เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันที่ 10 พ.ค. พันตรี กมล วงศ์สมบุญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) รักษาการผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเปิดเผยถึงกรณีที่ สมาพันธ์นักบินนานาชาติ (International Federation of Air Line Pilots’ Associations: IFALPA) ได้ออกคำเตือนว่าทางขับหรือแท็กซี่เวย์ภายในสนามบินสุวรรณภูมิมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในการใช้งานว่าการใช้งานแท็กซี่เวย์ที่เกิดปัญหายางมะตอยหลุดร่อนอาจจะก่อความเสี่ยงกับความปลอดภัยกับตัวเครื่องยนต์ของเครื่องบินหากมีเศษยางมะตอยหรือสิ่งแปลกปลอมหลุดเข้าไปในตัวเครื่องยนต์ อาจทำให้เครื่องบินเสียหรือขัดข้องได้

 

 

แต่ไม่ได้ส่งผลอันตรายต่อชีวิตของผู้โดยสารโดยตรง เนื่องจากแท็กซี่เวย์เป็นพื้นที่ที่อยู่บนพื้นดินและยังเป็นช่วงทางขับซึ่งนักบินจะค่อยๆขับเครื่องออกไปอย่างช้าๆ ไม่ใช่รันเวย์หรือทางวิ่งซึ่งจำเป็นต้องใช้ความเร็วสูงในการขับเคลื่อนเครื่องบินขึ้น หรือลงจอดที่ต้องมีแรงกระแทก พันตรี กมล กล่าวว่าปัจจุบัน ทอท. ได้มีการจัดทำแผนปฏิบัติการหรือแอคชั่นแพลนในการซ่อมแซมแท็กซี่เวย์ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว โดยแบ่งออกเป็น 3 ระยะคือ ระยะฉุกเฉิน ระยะกลาง และระยะยาว

โดยระยะฉุกเฉินนั้นปัจจุบันได้มีการจัดทีมซ่อมบำรุงเคลื่อนที่เร็วเตรียมพร้อมไว้ตลอด 24 ชั่วโมงหากเกิดเหตุกระทันหันโดยจะซ่อมแซมด้วยยางมะตอยชั่วคราว ส่วนระยะกลางนั้น ทอท. ได้ทยอยซ่อมแท็กซี่เวย์มาระยะหนึ่งแล้ว โดยขณะนี้ทยอยซ่อมเสร็จไปแล้วกว่า 50% จากจุดที่มีปัญหาทั้งหมดกว่า 10 จุด ส่วนระยะยาว ขณะนี้ ทอท. ได้รับจัดสรรงบประมาณปี 62 เพื่อนำมาใช้ในการซ่อมแซมแท็กซี่เวย์แบบถาวรแล้ว

 

 

โดยจะซ่อมโดยใช้คอนกรีตซึ่งจะคงทนกว่ายางมะตอย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบการซ่อมคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปีงบ 62 นี้ ส่วนระยะเวลาการซ่อมแซมนั้นจะต้องหารือเพื่อวางแผนร่วมกับสายการบินอีกครั้งภายหลังออกแบบแล้วเสร็จ เพราะจะต้องปิดแท็กซี่เวย์บางส่วนซึ่งอาจส่งผลกระทบทำให้สายการบินต้องปรับเปลี่ยนตารางการบินให้เกิดความสอดคล้องกัน ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนเที่ยวบินขึ้นและลง วันละกว่า 1 พันเที่ยวบิน

ส่วนปัญหาพื้นผิวรันเวย์อ่อนเนื่องจากด้านล่างมีน้ำว่า ขณะนี้ ทอท.สามารถแก้ไขปัญหาได้แล้วด้วยการใช้เทคนิคทางวิศวกรรมที่คิดค้นขึ้นเองโดยใช้วิธีควบคุมรับน้ำใต้ดินแท็กซี่เวย์ ด้วยการขุดบ่อลึกลงไปอีกบริเวณใต้แท็กซี่เพื่อทำการดูดน้ำออกจากใต้ดินหากพบว่าระดับน้ำเพิ่มขึ้นจนอาจจะกระทบต่อสภาพของแท็กซี่เวย์ ซึ่งปัจจุบันสามารถควบคุมระดับน้ำใต้ดินได้แล้ว