เป็นประเด็นร้อนแรงหลังจากที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ยื่นคำขาดสงกรานต์อยากเลือกอะไรต้องเอาสักทาง ไม่ใช่เหยียบเรือสองแคม …
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ชี้แจงว่า ไม่เคยรู้จักพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับ ร.ต.อ.สงกรานต์ เตชะณรงค์ รองสารวัตรฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการปราบปราม รักษาราชการแทน รองสารวัตรฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 ปฏิบัติราชการ ที่ศูนย์ฝึกยุทธวิธีตำรวจ กองบังคับการฝึกอบรมตำรวจกลาง (บก.ฝรก.)
กรณีเมื่อปลายปีที่ผ่านมา มีคนที่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในพรรคเพื่อไทย ได้ออกมาให้ข่าวกับสื่อสำนักหนึ่งในทำนองที่ว่า“มีคนรุ่นใหม่ที่สนใจมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ซึ่งก็คือ “ร.ต.อ.สงกรานต์ เตชะณรงค์” ลูกชายของ “นายไพวงษ์ เตชะณรงค์” เจ้าของอาณาจักรโบนันซ่า อดีตรองเลขาธิการพรรคความหวังใหม่ แต่ต้องรอให้เจ้าตัวเคลียร์เรื่องตำแหน่งทางราชการ และเรื่องส่วนตัวอื่นๆ ให้เรียบร้อยก่อน”
ต่อมาผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมตรี ได้ให้สัมภาษณ์กับคำถามประเด็นที่ว่า “ร.ต.อ.สงกรานต์ เตชะณรงค์” ซึ่งรับราชการตำรวจเตรียมสมัครลงเล่นการเมืองในนามพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) จำเป็นต้องลาออกจากราชการหรือไม่
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า“ตนไม่รู้จักนายสงกรานต์เป็นการส่วนตัว แต่ข้าราชการตำรวจที่จะมาเล่นการเมืองต้องลาออก และหากอนาคตสอบตกไม่ได้เป็น ส.ส. ก็สามารถที่จะกลับมารับราชการตำรวจได้ ถ้าทำใบลาออกแล้วมาลงเล่นการเมือง เนื่องจากกฎหมายอนุญาตไว้อย่างชัดเจน”
ภายหลังบิ๊กป้อม ออกมาให้สัมภาษณ์ กรณีดังกล่าวปรากฏว่า กระแสข่าวที่ว่า ร.ต.อ.สงกรานต์ เตชะณรงค์ จะลงเล่นการเมืองนั้นถูกกลืนหาย เงียบไป พร้อมกับการออกมาตอบโต้ข่าวเพียง 1 ครั้ง สั้นๆ ว่า ยังไม่ต้องการเล่นการเมือง เพราะว่ายังมีใจรักและสนุกกับอาชีพตำรวจหน่วยงานที่ตนเองสังกัดอยู่
ในที่สุด ก็ได้มีหนังสือคำสั่งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติย้าย ร.ต.อ.สงกรานต์ เตชะณรงค์ รองสารวัตรฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการปราบปราม รักษาราชการแทน รองสารวัตรฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 ปฏิบัติราชการ ที่ศูนย์ฝึกยุทธวิธีตำรวจ กองบังคับการฝึกอบรมตำรวจกลาง (บก.ฝรก.) เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผกก.ศูนย์ฝึกยุทธวิธีตำรวจ บก.ฝรก.มอบหมาย ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง