วันที่ 21 เม.ย. มิร์เรอร์ รายงานคดีฆาตกรรมสยองขวัญใน ยูเครน เมื่อ นายโอเล็กซานเดอร์ วัย 41 ปี ชาวเมืองกรือวึยรีฮ์ ในแคว้นดนีปรอแปตร็อวสก์ ทางตอนกลาง ก่อเหตุฆ่าหญิงคนรักวัย 50 ปี ก่อนตัดขาออกมาเพื่อนำไปทำอาหาร หลังดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จนเมาและรู้สึกหิวมาก
รายงานระบุว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา นายโอเล็กซานเดอร์และคนรักชวนกันดื่มสุราที่บ้านพักซึ่งทั้งคู่อาศัยอยู่ด้วยกันในช่วงที่ทั่วประเทศใช้มาตรการล็อกดาวน์ป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระหว่างนั้นนายโอเล็กซานเดอร์รู้สึกหิวขึ้นมา แต่แทนที่จะลุกไปทำอาหารกิน กลับคว้ามีดทำครัวแล้วเดินกลับมาปาดคอคนรักซึ่งไม่รู้ตัวว่าจะถูกสังหารโหด
นายโอเล็กซานเดอร์รอกระทั่งคนรักเสียเลือดจนตายก่อนสับขาทั้งสองข้างออกสำหรับนำไปทำอาหาร ส่วนร่างที่เหลือของศพยัดใส่ถุง ลากออกไปนอกบ้านเป็นระยะทางกว่า 500 เมตร และซ่อนไว้แถวพงหญ้ารกร้างใกล้แม่น้ำ
เช้าวันรุ่งขึ้น นายมิโคลา ชายที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง พาครอบครัวออกมาเดินเล่น “เรากำลังมองหาจุดนั่งตกปลาก่อนจะเหยียบเข้ากับถุงอะไรบ้างอย่าง ผมเห็นก้นเปลือยโผล่ออกมานอกถุง และคิดว่าสิ่งที่อยู่ข้างในต้องเป็นศพคนแน่ๆ เลยรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจ” นายมิโคลากล่าว ขณะเดียวกันชาวบ้านเริ่มออกมามุงดู เมื่อเห็นศพก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร จึงแจ้งข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ซึ่งรุดไปยังจุดพบศพ จากนั้นนำกำลังบุกไปที่บ้านของนายโอเล็กซานเดอร์
ด้านสื่อท้องถิ่นระบุว่า ตำรวจเกือบอาเจียนออกมาแทบจะทันทีที่เข้าไปในบ้าน และพบว่านายโอเล็กซานเดอร์กำลังกินเนื้อส่วนขาที่แล่จากศพคนรักก่อนนำไปทอดในกระทะ โดยหลังจากเจ้าหน้าที่ตั้งสติได้ก็รีบจับกุมนายโอเล็กซานเดอร์ไปสอบสวน รวมทั้งคุมขังรอดำเนินคดี
เบื้องต้นไม่มีรายงานว่านายโอเล็กซานเดอร์มีปัญหาทางจิต หรือต้องเข้ารับการตรวจสภาพจิตหรือไม่ แต่หากศาลพิพากษาว่ามีความผิดจริงนายโอเล็กซานเดอร์อาจต้องโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในยูเครนนั้น มียอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 5,710 คน และเสียชีวิตอย่างน้อย 151 คน