เรื่องดราม่าอันน่าหดหู่ใจ เมื่อวันที่ 9 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกระแสข่าวว่า ได้มีชายคนหนึ่งเข้าร้องสื่อมวลชนว่า หลานสาว อายุ 14 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.2 ถูกวัยรุ่นอายุ 17-18 ปี จำนวน 3 คน หลอกชักชวนไปดื่มเบียร์ จนหลานหมดสติ ต่อมาถูกวัยรุ่นชาย 3 คน ร่วมกันข่มขืน เหตุเกิดตั้งแต่คืนวันที่ 31 ธันวาคม 60 ญาติได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เชียงกลม จ.เลย เจ้าหน้าที่ผู้รับแจ้งกลับให้ไปตามหาผู้ต้องหาเอง แล้วอ้างผลตรวจของแพทย์ต้องใช้เวลา 3-4 เดือน จึงจะมีการดำเนินคดี ทางญาติกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงไปร้องขอสื่อมวลชนในพื้นที่ช่วยหาความเป็นธรรมให้กับหลานสาว พร้อมกับวิงวอนขอให้มูลนิธิปวีณา หงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ช่วยในเรื่องของคดี
ญาติอีกคนหนึ่งกล่าวว่า หลังมีข่าวนำเสนอออกไป มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายเข้ามาหาเพื่อจะนำตัวพ่อของเด็ก ตาและยายไปสอบสวนที่โรงพัก ทั้งญาติพี่น้องก็ได้คุยกันกลัวความไม่ปลอดภัยจึงปฏิเสธไป เพราะเรื่องเกิดมาตั้งนานแล้ว พอเป็นข่าวจึงจะมาดำเนินการ ทางญาติเลยรวบรวมเงินเป็นค่าน้ำมันรถให้เพื่อนบ้านขับมาส่งที่ศูนย์ดำรงธรรมบนศาลากลางจังหวัดเลย เพื่อให้เป็นหลักฐานว่าเราไม่ได้รับความเป็นธรรมกับตำรวจเลย
“ช่วงที่ข่าวออกมาในโลกออนไลน์ ตำรวจได้ไปจับผู้ต้องสงสัยมา 2 คน ที่ ต.เชียงกลม อ.ปากชม จ.เลย ตำบลเชียงกลมเป็นตำบลเล็กๆ ต่างรู้จักกันหมด และก็รู้ว่า 2 คนที่จับมาเป็นใคร ไม่ใช่คนข่มขืนหลาน เพราะเคยพาคนข่มขืน 2 คนให้ตำรวจแล้ว แต่ก็ปล่อยตัวออกมา ผู้กำกับการโรงพักบอกว่า ได้สอบสวนแล้วและให้ประกันตัวออกไปแล้ว เพราะผู้ต้องสงสัยเป็นเยาวชน อายุ 17-19 ปี อยากถามตำรวจพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีว่าเรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่คืนที่ 31 ธันวาคม 60 ข้ามเลยมาวันที่ 1 มกราคม 61 พวกเราได้แจ้งความไปแล้ว แนะนำบอกให้ไปตรวจที่โรงพยาบาล เราก็ไปมา บอกให้เราไปตามผู้ต้องสงสัยเราก็ไปตามมาให้แล้ว และยังพูดให้เราได้ยินอีกว่า หลานเราก็ผิดไปนอนกับเขาเอง”
ญาติเหยื่อเผยอีกว่า “ทุกวันนี้เหตุเกิดมาหลายวันแล้ว เข้าแจ้งความตามขั้นตอนทุกอย่าง ปกติการสอบสวนเด็กเยาวชน จะต้องมีนักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ ทนาย ตำรวจ อัยการ มาร่วมสอบ ตามที่ผู้รู้บอกมา แต่วันนี้กระบวนการดังกล่าวยังไม่เกิดขึ้นเลย หลานที่ถูกกระทำได้ยินคำพูดของตำรวจ ก็เลยกลัวตำรวจ กลายเป็นโรคกลัว ผวาอะไรไปหมด ในคืนที่เกิดเหตุหลานก็ชอกซ้ำมามากพอแล้ว วันแรกหน้าเขียวไปหมดเพราะไม่ยอมก็ถูกตบ ลำคอก็ถูกบีบจนเขียวซ้ำ หลังมีข่าวออกไปทั้งญาติๆทั้งหลานก็อยู่กันแบบผวาทั้งกันบ้าน บางคนต้องหอบเสื้อผ้าหนีไปนอนป่า ทั้งๆที่เราเป็นฝ่ายถูกกระทำ”
ที่มา – MATICHON