เมื่อวันที่ 13 ม.ค.61 นายสมคิด ชัยเกิด อายุ 46 ปี ชาว อ.รัษฎา จ.ตรัง เล่าทั้งน้ำตาว่า หลังจากที่ภรรยาของตนตั้งท้อง อายุครรภ์ได้เพียง 7 เดือน เกิดเจ็บท้องคลอดกะทันหัน เลยรีบพาไปที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน อ.รัษฎา ต่อมาได้ส่งตัวมาที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่ของตรัง เมื่อมาถึงหมอแจ้งว่า ความดันขึ้นสูง ต้องผ่าตัดเด็กในท้องออกด่วน แต่เด็กอาจจะเสียชีวิต ตนก็ยอมรับเพราะถือว่าต้องเอาแม่ของเด็กให้มีชีวิตไว้ก่อน
เมื่อนำเด็กออกมา ปรากฏว่าเด็กดิ้นและร้องไห้เหมือนทารกปกติทั่วไป ต่อมาก็ได้นำเด็กไปเข้าห้องอบ และตนเองเซ็นชื่อในเอกสารเพื่อยืนยันให้แพทย์ทำการรักษา ผ่านมาประมาณ 3 คืน หมอเรียกตนไปพบ
พร้อมทั้งแจ้งให้ตนพาลูกกลับบ้าน บอกให้ทำใจไว้ เพราะลูกอาการหนัก อาจไม่มีชีวิตรอดต่อไป หากรอดมาได้ก็จะพิการไปตลอดชีวิต ขณะที่ตนก็ไม่ทราบว่าลูกจะรอดหรือไม่ เพราะมีความรู้แค่ ป.6 ก็เลยเซ็นชื่อในเอกสารยืนยันไปกับหมอ แล้วก็นำลูกกลับไปบ้าน
อย่างไรก็ตาม ผ่านไป 3 คืน ลูกก็ยังมีชีวิตอยู่ ดูดนม อาการเหมือนทารกทั่วไป ตนจึงตัดสินใจพาลูกกลับมาโรงพยาบาลที่ทำคลอดอีกครั้ง พอตกดึกประมาณ 4 ทุ่ม หมอได้โทรมาบอกให้ไปเอาใบนัดที่โรงพยาบาล แต่ไม่สามารถไปเอาได้ เนื่องจากตนขี่รถจักรยานยนต์และเส้นทางห่างจากโรงพยาบาลกว่า 50 กิโลเมตร
“ผมยังติดใจทำไมทางโรงพยาบาลบอกแบบนี้ แจ้งว่าลูกผมไม่รอดแน่ ให้พาลูกกลับมา และทำไมถึงไม่มีประวัติการรักษาของเด็ก ต่อมาทางผู้บริหารของโรงพยาบาลได้เรียกผมไปบอกว่าจะเอาอย่างไร และหากจะรักษาลูกต้องใช้เงินเยอะ ผมบอกไปว่าไม่ขออะไรสักอย่าง แค่อยากรู้ความจริงว่าเป็นความสะเพร่าของหมอและโรงพยาบาลหรือไม่ ซึ่งทางโรงพยาบาลบอกว่าติดใจตรงไหนก็ให้ไปฟ้องศาลเลย แต่ตนไม่มีปัญญา ไม่มีเงิน อาศัยอยู่บ้านไม้หลังเล็กๆ ตอนนี้ลูกสาวอยู่ขั้นโคม่า ยังนอนตู้อบให้ออกซิเจนในห้องไอซียู”
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อประสานไปยังโรงพยาบาลที่นายสมคิด อ้างถึงเพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น รวมถึงแนวทางการรักษา แต่ไม่สามารถติดต่อได้ หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป
ที่มา – ไทยรัฐ