เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

โลกออนไลน์ได้แชร์ข้อความของ ผู้ใช้เฟซบุ๊ก พญ.ลลิตา ธีระสิริ จำนวนมาก โดยได้ลงเรื่องราวสุดเศร้า ที่ไม่อยากให้เกิดกับครอบครัวไหน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ระบุว่าโควิด19 กับเรื่องเศร้า….ขออย่าให้เกิดกรณีเช่นนี้กับพ่อหรือแม่ของใครอีกเลย

เห็นไทม์ไลน์ของผู้ป่วยโควิดรายที่ 50 ของเชียงใหม่ นางเป็นขาเลาะตัวจริง เที่ยวร่อนไปทั่ว นางไปสถานบันเทิง 5 แห่ง จนผู้ว่าฯ ต้องสั่งปิด เห็นภาพที่สถานบันเทิงวอร์มอัพ ที่เธอไปเลาะทั้งวันที่ 31 และ 1 แล้วหัวใจจะวายตาย ไม่มีใครใส่หน้ากากอนามัย ไม่มีระยะห่าง ไม่มีการกลัวติดโควิด ไม่สนใจโรคระบาด จะสนุกเอามันท่าเดียว แล้วนางรายที่50 ก็อยู่ในนั้นแหละ …..จึงอยากจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง

เรื่องแรก

สมัยที่สถานบันเทิงแถวสุขุมวิทเกิดเป็นศูนย์กลางแห่งหนึ่งของการระบาด คิดว่าคงยังจำกันได้ สาวคนหนึ่งทำงานในผับ นั่นเป็นอาชีพ เธอไม่ได้ไปเที่ยวสนุกนะคะ เธอโชคร้ายติดโควิด แล้วเอาไปติดแม่ที่บ้าน ทั้งลูกสาวและแม่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ลูกสาวได้ยาแล้วอาการดีขึ้น แต่แม่ที่ได้รับยาตัวเดียวกันกลับทรุดลงเริ่อย พออาการหนักมากก็ต้องเข้าไอซียู ในที่สุดหมอคนรักษาเห็นว่าท่าจะยื้อชีวิตไว้ไม่ได้ จึงแจ้งลูกสาว ตอนแรกทางรพ.ไม่ยอมให้ลูกสาวไปดูใจ หากให้อัดคลิปส่งไปลาแม่แทน คิดถึงใจของลูกสาวนะคะว่าจะเจ็บปวดขนาดไหน แม่จะตายทั้งทียังไปลากันไม่ได้ แถมเธอคิดว่าตัวเองเป็นตัวการทำร้ายแม่อีกด้วย แต่ในที่สุดรพ.ก็อนุญาตให้ลูกสาวไปลาแม่ได้จินตนาการเองเองนะคะว่าเกิดอะไรขึ้นในไอซียูแห่งนั้น เมื่อลูกสาวได้พบกับแม่เป็นครั้งสุดท้าย บรรยากาศในไอซียูเศร้าขนาดเจ้าหน้าที่ต้องหลั่งน้ำตาท่วมก็แล้วกัน

รายที่สอง

ผู้ป่วยเป็นคนขับแทกซี่ ลูกสาวเป็นพยาบาล ลูกสาวมีอาการไม่มากและรักษาหาย ส่วนผู้พ่ออาการหนักมาก ไม่เสียชีวิตหรอก แต่ปอดเสียหายเกือบทั้งปอด ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอด ถอดออกไม่ได้ เมื่อรักษาจนพ่อปลอดเชื้อหมอให้ลูกสาวตัดสินใจว่า จะให้ถอดเครื่อง หรือนำกลับไปดูแลที่บ้าน โดยใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา ถ้าพ่อกลับบ้านโดยติดอยู่กับเครื่อง ค่าใช้จ่ายจะมหาศาล ที่สำคัญใครจะเป็นคนดูแล ลูกสาวซึ่งเป็นพยาบาลเข้าใจสถานการณ์นี้ดี ในที่สุดลูกสาวก็ตัดสินใจให้ถอดเครื่องช่วยหายใจ ปล่อยพ่อไป คิดเอาเองว่าในกรณีนี้ลูกสาวจะเจ็บปวดขนาดไหน

เจตนาที่เล่าสองเรื่องนี้ให้ฟัง….เพื่อเป็นอุทาหรณ์ว่า ทุกคนต้องระมัดระวังตัว ใช้มาตรการป้องกันตัวจากโรคโควิดอย่างเคร่งครัด อย่าเป็นตัวการเอาเชื้อโรคเข้าบ้าน เพราะไม่เพียงแต่คุณเท่านั้นที่จะป่วย คนในครอบครัวที่คุณรักก็อาจติดเชื้อไปด้วย คุณคงไม่อยากทำร้ายคนในบ้านของคุณเองกระมัง

เรื่องนี้เรื่องจริงนะคะ อย่าล้อเล่น เชียงใหม่งานเข้าละทีนี้ สงสารคนทำงานด้านระบาดวิทยาเหลือเกิน

ดูโพสต์ต้นฉบับ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ข้อมูลจาก  พญ.ลลิตา ธีระสิริ