นายกฯมั่นใจคุมแพร่ระบาดได้เร็วนี้ เร่งปูพรหมคัดกรอง ระดมฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ในฐานะ ผอ.ศบค. รายงานความก้าวหน้าเกี่ยวกับการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โดยเฉพาะคัตเตอร์คลองเตย ที่ได้มีการติดตามอย่างใกล้ชิดเนื่องจากเป็นพื้นที่ใจกลางเมือง มีงานอยู่เป็นจำนวนมากส่งผลกระทบความปลอดภัยของประชาชน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สังคมรังเกียจหนัก! กู้ภัยระบายความในใจ โดนดูถูกจากสายตาคนรอบข้าง
- โผล่อีกเคส ! หนุ่มวัย 21 ปี ร่างกายแข็งแรง ฉีดวัคซีนโควิด หลับไม่ตื่นหัวใจหยุดเต้นดับ
ทั้งนี้ ในฐานะ ผอ.ศูนย์ ศบค.กทม.และ ปริมณฑล ได้สั่งการเน้นย้ำทุกหน่วยงานระดม สรรพกำลังเข้าป้องกันอย่างเต็มที่ โดยมียุทธวิธีสำคัญในการเอาชนะศึกครั้งนี้ คือ การระดมตรวจเชิงรุกให้ได้มากที่สุด ในพื้นที่เป้าหมายตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้มีการตรวจไปแล้ว 70,000 รายในพื้นที่เสี่ยง เฉลี่ยวันละ 7,000 ราย สามารถคัดแยกผู้ติดเชื้อเข้าสู่การรักษาได้ทันเวลา และคัดแยกผู้มีความเสี่ยงสูงเข้ากักตัวเพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดและจำกัดวงแพร่ระบาดให้แคบที่สุดและสั้นที่สุด
ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมาจะเห็นยอดตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ที่เกิดจากการตรวจหาเชิงรุกแบบปูพรม ซึ่งทีมแพทย์มีความเชื่อมั่นว่าวิธีนี้จะทำให้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในไม่ช้า และยอดผู้ติดเชื้อจะค่อยๆ ลดลง ซึ่งถือเป็นแนวโน้มที่ดี ที่ขณะนี้ผู้ติดเชื้อในกรุงเทพฯ เริ่มทรงตัวแต่ยังไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ โดยต้องเร่งตรวจหาเชิงรุก ให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกันต้องเร่งระดมการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ให้แก่ประชาชนให้มากที่สุดโดยขณะนี้ได้มีการฉีดวัคซีนในพื้นที่คลองไปแล้วกว่า 13,000 คน หรือประมาณ 30% ของเป้าหมายที่ต้องฉีดให้ได้อย่างน้อย 50,000 คน
ขณะที่ในพื้นที่ เขตปทุมวัน ได้มีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน 50% ของเป้าหมายที่มีประมาณ 14,000 คน ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วทั้งสองเขตฉีดวัคซีนได้ถึงวันละ 2,000 คน ซึ่งผลการดำเนินงาน ในกลุ่มคลัสเตอร์ คลองเตย จะเป็นแนวทางในการจัดการแพร่ระบาดพื้นที่อื่นๆ กทม.และปริมณฑลรวมถึงพื้นที่ต่างจังหวัดด้วย โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงสีแดง หากในอนาคต มีการแพร่ระบาดอีกก็จะใช้แนวทางในการปฏิบัติ ต่อไป