เปิดใจครั้งแรก แพนเค้ก เขมนิจ และแม่แพม นวลนง หลังหายป่วยจากโควิด-19 วินาทีห่วงแม่เชื้อลงปอด ต้องฉีดยาสลายลิ่มเลือด
พร้อมอัพเดตอาการล่าสุด นอยด์หนักหมอบอกว่าเป็นแล้วยังเสี่ยงเป็นอีกได้ ในรายการ “คุยแซ่บSHOW” ที่มี ธัญญ่า ธัญญาเรศ เองตระกูลและเป๊กกี้ ศรีธัญญา
เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“แพนเค้ก” ฉีดวัคซีนแล้ว ครอบครัวติดโควิด 8 คน พี่หมี กักตัว น้องฝึกตร.-พ่อบวชไม่ติด
ดาราร่วมงานกับ “แพนเค้ก เขมนิจ” หลังรู้ข่าวเข้าตรวจเชื้อพร้อมกักตัวแล้ว!!
อาการล่าสุดเป็นอย่างไรบ้าง? แพนเค้ก : “เอ็กซเรย์ปอด คุณหมอบอกว่าปอดแพนหายเป็นปกติแล้ว หายแล้วแต่อาจจะมีเอฟเฟ็กต์ อาจจะเพลีย
เหนื่อยง่าย ซึ่งอาการเหล่านี้ยังเป็นอยู่ ซึ่งต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู อาจจะทำอะไรหักโหมเหมือนเดิมไม่ได้ ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป และต้องคอยบริหารปอด
ให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น”
บริหารปอดอย่างไร? แพนเค้ก : “การฝึกหายใจ ฝึกเพื่อให้ปอดขยายไม่ให้ปอดแฟ่บ หรือแม้แต่การเดินออกกำลังกายเบาๆ สูดหายใจลึกๆ ทำสม่ำเสมอเป็นประจำ”
ฟีดแบ็กที่หลงเหลือจากการเป็นโควิดมีอะไรบ้าง? แม่แพม : “ของแม่พออายุมากขึ้น การฟื้นตัวจะช้ากว่าคนที่อายุน้อย วันที่ออกมาจากโรงพยาบาลวันแรกดีใจมาก
ทุกอย่างสดใสไปหมด จัดการทำโน่นทำนี่จนคุณหมอต้องขอว่าอย่าเพิ่งทำอะไร ให้อยู่นิ่งๆ และพักจริงๆ ซึ่งพอออกมาจริงๆ เรารู้เลยว่าเราต้องพัก
และต้องใช้เวลา ลูกๆ จะฟื้นตัวเร็วหายกันเร็วมาก เขาอาจจะใช้เวลากัน 2 อาทิตย์ แต่แม่อาจจะต้องใช้เวลา 1 เดือน”
ตอนแรกรู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นโควิด? แพนเค้ก : “ทุกคนในบ้านเหมือนเป็นไข้หวัดใหญ่”
แม่แพม : “มันเร็วมากใช้เวลาแค่วันสองวันเท่านั้นเอง คุณแม่ก็จะมีอาการแปลก เวลากลืนอะไรก็ตามจะรู้สึกเหมือนบาดแรงมาก มันผิดปกติ แล้วเสมหะ
จะมีมูกเลือดออกมาทันที เราก็ตกใจ แต่อาการ อื่นๆ ก็ไม่มีอะไร เราไม่ได้มีไข้สูง มารู้อีกทีตอนลูกสะใภ้เช็คแล้วทราบว่าเป็น”
แพนเค้ก : “อาการของคนในบ้านจะคล้ายๆ กัน แต่ของน้องสะใภ้จะไม่ได้กลิ่น ฉีดน้ำหอมแล้วก็ยังไม่ได้กลิ่น ดมก็แล้ว ทาครีมก็แล้วก็ยังไม่ได้กลิ่น
เขาก็เลยคิดว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็น เขาก็เลยรีบไปตรวจ พอรู้ผลคนที่อยู่ใกล้เขาก็ต้องไปตรวจ”
แม่แพม : “ตอนที่ทราบผล ลูกสะใภ้ไม่กล้าเข้าบ้าน เขารออยู่หน้าบ้าน ขนาดเรามีบ้านเป็นของตัวเอง พอถึงเวลานั้นเราทุกคนต้องเซฟตัวเองหมด
ตอนนั้นเราร้อนรนไปหมด เราวิ่งเก็บของใช้ที่จำเป็น และเตรียมพร้อมว่าโรงพยาบาลจะบอกเราอย่างไรต่อไป เราต้องรอฟังเป็นสเต็ปเพราะโรงพยาบาลก็จะยุ่งมาก
และทุกคนไม่ได้อยู่พร้อมกันหมด ก็จะถูกแยกกันเป็นส่วนๆ”
สรุปติดกี่คน เพราะหลายคนเข้าใจว่าติดทั้งบ้าน? แพนเค้ก : “ติด 8 คน ไม่ได้ติดทั้งหมด เพราะช่วงนั้นคุณพ่อก็ไปบวช ส่วนน้องชายก็ไปฝึก ก็จะไม่ได้ใกล้ชิด”
แม่แพม : “คนที่อยู่ใกล้ชิดติดหมด แล้วก็มีแม่บ้าน”
ความรู้สึกตอนที่โรงพยาบาลมารับเป็นอย่างไรบ้าง? แม่แพม : “เป็นอะไรในชีวิตที่ไม่เคยเจอ เรายังคุยกับแพนเลยว่า ขอบคุณเหตุการณ์ทั้งหมดที่ทำให้เรา
เข้าใจคนที่มีทุกข์ เหมือนเขาให้เราเป็นคนบอกต่ออะไรหลายๆ อย่าง ให้กับคนอีกเยอะ เพราะหลังจากที่เราป่วยเป็นโควิด ทุกสายที่โทรมาเราช่วยหมด
หมายถึงช่วยเป็นกำลังใจทุกอย่าง ต้องไปโรงพยาบาลแบบหลบๆ ซ่อนๆ แล้วเราไปตอนเวลาดึกแล้ว ข้าวของทุกอย่างต้องขนกันเองหมด พอเราไปอยู่จุดนั้น
เราเข้าใจเลยว่า หมอ พยาบาลทำงานหนักมากก็ไม่กล้าเข้าใกล้เรา เขาก็ต้องเซฟตัวเอง เราไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตจะต้องหอบของขึ้นบันได
แล้วถึงจะไปเจอลิฟท์ที่เขากันไว้สำหรับผู้ป่วยโควิดเฉพาะ มันวังเวงมาก แล้วพอขึ้นไปก็ถูกแยกไปอีกฟากหนึ่งซึ่งมันเดินไกลมาก”
แพนเค้ก : “พอเข้าห้องแล้วก็ไม่ได้ก้าวออกมาอีกเลย อยู่ในพื้นที่สี่เหลี่ยมตรงนั้น แต่โชคดีที่ได้อยู่รวมกัน เพราะตอนนั้นห้องก็มีจำกัดมาก แล้วเราเป็นครอบครัว
ก็เลยได้อยู่ร่วมกัน แพน แม่ แล้วน้องสาว ก็เลยอยู่ด้วยกัน”
ห่วงคุณแม่ขนาดไหน? แพนเค้ก : “ก็ห่วง เพราะตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่าต้องคิดอะไรก่อน พอมันข้ามช็อตไปแล้วว่าเป็น คุณแม่เป็นมากไหม เราก็ไม่รู้
น้องสาวเป็นอย่างไร เราก็ไม่รู้ แม้แต่ตัวเราเองพอเข้าไปก็ไข้ขึ้น ปอดอักเสบ ทุกอย่างมันมีสเต็ปของมัน”
แม่แพม : “เชื้อของเราจะแปลกอย่างหนึ่งคือกลับไปกลับมา แรกๆ เหมือนไม่มีอะไร พอผ่านไป 3-4 วันก็เป็นแบบนี้ พอวันที่ 7-8 ก็เป็นอีกแบบ พอจะกลับบ้าน
อาการก็พลิกมาเป็นอีกแบบ เหมือนปอดดีขึ้น ปอดกลับ มันพลิกไปมาไม่แน่นอน”
แพนเค้ก : “คุณหมอบอกว่าเชื้อโควิดมันไม่แน่นอน ตอนเราไปเราอาจจะดูปกติดี แต่พอปลายๆ อาทิตย์มันอาจจมีอะไรแทรกซ้อนเข้ามาที่ทำให้เราทรุดลง
ซึ่งเราก็ต้องดูอาการตัวเองตลอดเวลา แล้วก็ห่วงคุณแม่ เพราะคุณแม่ไม่พูด แม่จะพูดแต่ว่าแม่โอเค กินข้าวกินยานอน แต่เราก็จะคอยสังเกตว่าคุณแม่ไข้ขึ้นไหม
ออกซิเจนปกติไหม ความดันโอเคหรือเปล่า”