เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เรื่องความสวยความงามสมัยนี้ ใครๆก็ต้องถึงการศัลยกรรม เป็นการทำให้ตัวเองดูดีขึ้นโดยพึ่งมีดหมอ แต่การศัลยกรรมก็ใช่ว่าจะออกมาดีพร้อมทุกคน คนที่ผิดพลาดก็ต้องรับความเสี่ยงที่จะต้องเสียโฉมไปเช่นกัน

การทำจมูกเป็นการศัลยกรรมส่วนใหญ่ ที่ใครหลายๆคนชอบทำกัน ซึ่งก็มีหลายวิธีที่ทำกัน เช่น

1. ผ่าตัด ใส่ซิลิโคน เกือบจะทั้งหมดใช้การเสริมด้วยสารซิลิโคน ผ่านทางรอยผ่าตัดขนาดเล็กที่ด้านในของจมูก ซึ่งแผลผ่าตัดนี้จะมองไม่เห็น แพทย์จะเริ่มผ่าตัดโดยการออกแบบซิลิโคนให้เข้ากับรูปหน้า และโครงจมูกก่อน จากนั้นจึงเริ่มการเสริม โดยการฉีดยาชาเฉพาะที่บริเวณรอบจมูก บางรายอาจใช้ยานอนหลับร่วมด้วย หลังผ่าตัดก็สามารถกลับบ้านได้ทันที แพทย์ จะนัดมาดูอีกครั้ง ประมาณ 7 วัน เพื่อตัดไหมและตรวจดูความเรียบร้อย

2. เสริมจมูกด้วยวิธีร้อยไหม เหมาะกับการแต่งเสริมปลายจมูก อาจดึงสันจมูกขึ้นได้เล็กน้อย แพทย์จะใช้ไหมละลายร้อยเข้าไปที่จมูก เพื่อดึงปลายให้จมูกเชิดขึ้น หรือร้อยไปที่หว่างคิ้ว เพื่อดึงให้สันจมูกให้สูงขึ้น หลักการโดยทั่วไปของการร้อยไหมคือ บริเวณใต้ผิวหนังที่ร้อยไหมเข้าไป จะถูกกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ทำให้เกิดกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อให้มีการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว หลังทำมีแค่รอยเจาะของเข็มเพียงเล็กน้อย ไม่ต้องพักฟื้น แต่อาจมีรอยเขียวช้ำเกิดขึ้นได้ วิธีนี้ไหมละลายจะค่อยๆ สลายไป ใน 6-8 เดือน ข้อควรระวัง ของการร้อยไหมบริเวณจมูกคือ ผิวหนังบริเวณนี้บางมาก การเก็บเส้นไหมไม่ดี อาจเกิดปฏิกิริยากับผิวหนัง และมีโอกาสที่ปลายไหมจะหลุดออกมาด้านนอก

3. ฉีดสารเติมเต็ม หรือที่มักเรียกกันว่า “ฟิลเลอร์” เป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด เป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีความปลอดภัยสูง ไม่มีความเสี่ยงจากการผ่าตัด ไม่มีแผลเป็น และยังดูเป็นธรรมชาติ ปรับให้เข้ากับรูปหน้าได้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

แต่การเสริมจมูกบางทีก็มีผลร้ายเช่นกัน อย่างบางคนมีฐานจมูกน้อยแต่อยากได้โด่งมากๆ แบบดาราดังทั้งหลาย สุดท้ายก็เกิดปัญหาจมูกพัง ซิลิโคลนทะจมูกก็มี

   

จากภาพเห็นแล้วคงทำให้หลายคนคิดได้ จะเสริมจมูกอย่างไรก็ควรจะเชื่อคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดีที่สุด ถ้าไม่อยากเจอกับเหตุการณ์จมูกพังแบบนี้

ภาพจาก – ห้องสืบสวย-สยอง