
ทั้งนี้ พบว่าบริเวณฐานตุ๊กตาตัวดังกล่าว มีป้ายราคาแจ้งมูลค่า 52,800 ดอลลาร์ฮ่องกง พร้อมย้ำว่าหากมีความเสียหายเกิดขึ้น จะต้องชดใช้เงินมูลค่าดังกล่าว และยังมีป้ายห้ามจับปรากฏอยู่ข้าง ๆ ป้ายราคาด้วย

ต่อมาในวันที่ 23 พฤษภาคม แม่ของเด็กได้โพสต์เฟซบุ๊ก ยอมรับว่าเธอไม่ได้ดูลูกตอนกำลังช้อปปิ้ง ก่อนจะได้ยินเสียงดังสนั่น เมื่อหันกลับมาก็เจอภาพตุ๊กตาที่ล้มไปอยู่บนพื้นแล้ว ตอนนั้นพนักงานร้านรีบเข้ามาแจ้งเธอทันที ว่าลูกชายของเธอเป็นคนดันตุ๊กตาล้ม เธอช็อกสุด ๆ และต้องเสียเงินไปมากกว่า 30,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 130,000 บาท) เพื่อชดเชยให้ทางร้าน ขณะเดียวกันเธอยอมรับว่า ไม่ว่าลูกชายจะตั้งใจทำตุ๊กตาล้มหรือไม่ เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นเพราะเธอสอนลูกไม่ดีเอง
แต่หลังจากนั้นท่าทีของแม่ก็เปลี่ยนไป เมื่อมีชาวเน็ตอัปโหลดภาพจากกล้องวงจรปิด เผยให้เห็นช่วงเวลาตอนที่ลูกชายเดินเข้าไป และใช้หลังพิงตุ๊กตาจนล้มคว่ำลง ซึ่งเธอมองว่าตุ๊กตาตัวดังกล่าวมีราคาแพงมาก แต่กลับไม่มีมาตรการป้องกันใด ๆ และไม่มีการปิดกั้นพื้นที่รอบ ๆ ทำให้ลูกชายของเธอไม่ทันระวัง ก่อนที่พนักงานจะรีบเข้ามาไล่บี้เธอ ซึ่งเธอรู้สึกว่าการที่มาถูกทางร้านเรียกเก็บเงินค่าเสียหายสูงขนาดนั้น ค่อนข้างจะไม่สมเหตุสมผล
ทั้งนี้ คุณแม่รายดังกล่าวยังวิจารณ์ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ต่างจากการหลอกลวง และเธอก็เครียดมากที่ต้องจ่ายเงินกว่า 30,000 ดอลลาร์ฮ่องกง ชดใช้ให้ทางร้าน