เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งเหตุเกิดพายุงวงช้างก่อตัวขึ้นอยู่กลางทะเล บริเวณทะเลเกาะเสม็ด แรงพายุหมุนก่อให้เกิดมวลน้ำหมุนเป็นเกลียวสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า และ ค่อยเคลื่อนตัวผ่านไป ท่ามกลางเมฆฝนที่กำลังก่อตัวดำครึ้มไปทั่วท้องฟ้า จึงรุดไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงบริเวณท่าเทียบเรือ ริมหาดบ้านเพ พบนักท่องเที่ยว ชาวบ้านต่างแห่กันมายืนถ่ายรูปกันเป็นจำนวนมาก และฮือฮากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะถือเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่เกิดขึ้นบ่อย และมีความสวยงามไปอีกแบบ จึงพากันถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
นายพีระพงษ์ ไกรอินทร์ อายุ 35 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างพรกุศลฯจุดวัดศรีมโนภาส เปิดเผยว่า พายุหมุน หรือพายุงวงช้างที่เกิดขึ้น นับเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นในอดีต แต่ระยะ 3 ปีที่ผ่านมา จะเกิดบ่อยครั้งขึ้น โดยครั้งล่าสุดเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา เกิดพายุหมุนพัดขึ้นฝั่งในช่วงดึก ทำให้บริเวณท่าเรือนวลทิพย์ จนหลังคาและเพิงพักผู้โดยสารได้รับความเสียหายจนหลังคาพังยุบลงมาทั้งแถบ แต่ครั้งนี้ถือว่าโชคดีที่พายุพัดผ่านในทะเลและค่อย ๆ ลดพลังลงจนหายไปในทะเล โดยตัวพายุพัดผ่านในทะเลเป็นเวลาประมาณ 15 นาที ระยะทางในการเคลื่อนตัวประมาณ 5 กิโลเมตร ก่อนสลายไป
สำหรับปรากฎการณ์ พายุงวงช้าง หรือนาคเล่นน้ำ ที่โบราณเรียกกัน เกิดขึ้นจากความแตกต่างของอุณหภูมิอากาศที่กระจายอยู่ในบริเวณเดียวกันเป็นหย่อม ๆ และอุณหภูมิที่แตกต่างกันเหล่านั้น ถูกดูดเข้าไปอยู่ในตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งมากเป็นพิเศษ ทำให้อากาศที่อยู่ติดกับผืนน้ำยกตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง ส่งผลให้อากาศโดยรอบไหลเข้ามาแทนที่ จึงเกิดลมพัดวนบิดเป็นเกลียวขึ้นไปในบริเวณที่มวลอากาศเย็นเคลื่อนผ่านเหนือผิวน้ำที่อุ่นกว่า
เมื่ออากาศขยายตัว และเย็นลงจนถึงจุดหนึ่ง ไอน้ำก็จะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำจำนวนมาก ทำให้เราเห็นเหมือนพายุหมุน มีลักษณะคล้ายงวงช้าง เชื่อมผืนน้ำและเมฆ โดยปรากฏการณ์นี้พยากรณ์ล่วงหน้าไม่ได้ แต่ในพื้นที่ที่มีความแตกต่างของอุณหภูมิมาก ๆ จะมีโอกาสเห็นได้ ถ้าเทียบกับพายุทอร์นาโดที่เกิดขึ้นที่ต่างประเทศนั้น นับว่า “พายุงวงช้าง” มีขนาดเล็กมาก
Cr. ข่าวสด