ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธนะ โชคพระสมบัติ ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 3 ภาคกลางนครปฐม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุพรรณบุรี นำโดย พ.ต.ท.ตะวัน วัฒนรังสรรค์ รอง ผกก.ป.สภ.เมืองสุพรรณบุรี และตำรวจชุดปราบปราม สภ.เมืองสุพรรณบุรี นำหมายศาล จังหวัดสุพรรณบุรี เข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ด้านล่างเปิดเป็นร้านส่งพัสดุ บริเวณถนนขุนแผน เทศบาลเมืองสุพรรณบุรี หลังสืบทราบว่ามีการลักลอบใช้ไฟฟ้าทำเหมืองขุดบิทคอยน์
จากการตรวจสอบพบเพียงพนักงานที่ดูแลตึก เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจค้นและตรวจสอบบริเวณอาคารพาณิชย์ ทุกชั้น พบว่าบริเวณชั้นลอย ชั้น 3 มีห้องเก็บอุปกรณ์เหมืองขุดบิทคอยน์บางส่วน ประกอบด้วย การ์ดจอ เครื่องขุด ตัวกระจายสัญญาณ พัดลมระบายความร้อน อุปกรณ์สัญญาณอินเตอร์เน็ต สายไฟในการดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า ทำให้กระแสไฟฟ้าผิดปกติ ซึ่งเป็นการลักลอบไฟฟ้าใช้แบบผิดกฎหมาย จึงยึดของกลางไว้ตรวจสอบกว่า 12 รายการ
ส่วนเครื่องขุดบิทคอยน์คาดว่ามีการขนย้ายออกไปก่อนหน้านี้ ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการสืบสวน สอบสวนอยู่
จากการสอบถาม น.ส.เอ (นามสมุติ) พนักงานร้านอาหารที่อยู่ติดกับร้านส่งพัสดุของอาคารดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนเป็นพนักงานจ้าง ไม่ทราบเลยว่ามีการทำอะไรด้านบนตึกนี้
นายธนะกล่าวว่า การไฟฟ้าเองสืบทราบมาว่าอาคารแห่งนี้มีการใช้ไฟฟ้าผิดปกติ จึงมาตรวจสอบมิเตอร์ พบว่ามีการดัดแปลงจริง มีการลักลอบใช้ไฟฟ้าหลวงในการทำเหมืองบิทคอยน์ จึงขอหมายศาลอเข้าตรวจค้น ซึ่งก็พบว่ามีการลักลอบใช้ไฟจริง พบอุปกรณ์กว่า 12 รายการ ได้เก็บรวบรวมให้ตำรวจสืบสวนต่อเพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายในการละเมิดดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า ลักไฟฟ้าใช้
นายธนะกล่าวต่อว่า อยากฝากถึงผู้ประกอบการที่มีธุรกิจเหรียญดิจิทัล บิทคอยน์ คนที่จะทำธุรกิจนี้มีต้นทุนหลักเป็นเรื่องพลังงานไฟฟ้าที่ต้องใช้ในปริมาณมาก จึงเป็นแรงจูงใจให้มีคนละเมิดการใช้ไฟฟ้าในการดัดแปลงมิเตอร์ ซึ่งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมีทีมเจ้าหน้าที่ตรวจสอบมิเตอร์ หากพบว่ามิเตอร์ที่ทำการดัดแปลงไม่มีตราตะกั่วของการไฟฟ้า หรือตะกั่วผิดรูป ซึ่งเราจะตั้งข้อสังเกต และใช้เครื่องมือวัดตรวจสอบ หากพบว่าผิดปกติเราจะรีบดำเนินการทันที
นายธนะกล่าวด้วยว่า กรณีนี้ก็พบว่าผิดปกติ และพบว่ามีการเคลื่อนย้ายเครื่องขุดบิทคอยน์ออกไปก่อนหน้านี้ เบื้องต้นเราพบอุปกรณ์หลายอย่างที่ใช้ประกอบการขุดบิทคอยน์และการดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า ทั้งนี้ เมื่อคำนวณคร่าวๆ ในเวลา 1 เดือน มีการใช้ไฟฟ้าไป 33,120 หน่วย ค่าไฟฟ้าหน่วยละ 7 บาท ประมาณ 2.3 แสนบาท แต่มิเตอร์ไม่มีการเคลื่อนไหว เดี๋ยวต้องไปดูว่ามีการลักลอบมานานเท่าไรแล้ว กี่เดือน เสียหายมากเท่าไร กรณีนี้ผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบ
นายธนะกล่าวว่า การทำแบบนี้อันตรายมาก เพราะหากไม่มีความรู้ความเข้าใจ จะทำให้เกิดอัคคีภัยได้ เนื่องจากการขุดเหมืองบิทคอยน์มีความร้อนสะสมเยอะมาก อย่างไรก็ดี ขณะนี้ตำรวจจะทำการสอบสวนติดตามผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีต่อไป
ข่าวที่น่าสนใจ