นายทุนลักลอบถมดินสูงเท่าหลังคาวันนี้ (17 เม.ย. 68) ผู้สื่อข่าวได้ติดตามความคืบหน้ายังพื้นที่จุดที่ถมดินอีกครั้ง ที่ซอย 11 ต.มะขามคู่ อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง พบป้ายประกาศจากเทศบาลมาติดไว้บนพื้นที่ดังกล่าวอย่างชัดเจน “คำสั่งให้หยุดขุดดินหรือถมดิน” และพบรถสิบล้อ รถแบ็กโฮจอดอยู่ในพื้นที่ แต่ไม่ได้มีการทำงานแต่อย่างใด
ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนยังออกมารวมตัวกัน บอกเล่าถึงความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น บางคนเครียดถึงขั้นนอนไม่หลับ โดยพื้นที่หน้างาน มีการสร้างคันดินป้องกันน้ำเข้าตัวบ้าน และลอกท่อระบายน้ำข้างทางเพื่อให้น้ำไหลได้ดีขึ้น
ทางด้านนายกฤติน มีลาภ ปลัดเทศบาลตำบลมะขามคู่ กล่าวว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบยังไม่มีการการขออนุญาตหรือแจ้งให้เทศบาลทราบในเรื่องของการถมดินหรือขุดดิน วานนี้ (16 เม.ย.68) เทศบาลได้ออกคำสั่งให้ระงับการดำเนินการไว้แล้ว และได้ติดประกาศบริเวณที่ทำการถมดินแล้ว ในวันนี้กำลังรวบรวมเอกสารหลักฐาน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีในช่วงบ่ายวันนี้
สำหรับเจ้าของโครงการที่คาดว่าจะเป็นนายทุนจีน ปลัดแทศบาลตำบลมะขามคู่ บอกว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยเท่าที่ทราบข้อมูลเบื้องต้นที่ดินตรงนี้แบ่งเป็น 2 แปลง 25 ไร่ และ 23 ไร่ ได้มีการซื้อขายเปลี่ยนมือกันเมื่อประมาณวันที่ 24 และ 29 ก.พ.68 ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่พบว่ามีการปรับพื้นที่เมื่อประมาณปลายเดือนมีนาคม คาดว่าเริ่มต้นถมดินตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย.68 จนมามีปัญหาช่วงสงกรานต์
ส่วนใหญ่ในพื้นที่บริเวณตำบลมะขามคู่ ที่ดินจะเป็นลักษณะเนิน หน้าสูงหลังต่ำ หน้าต่ำหลังสูง คาดว่าน่าจะเป็นการตักดินจากด้านหลัง เพราะที่ดินด้านหลังสูงเป็น 10 เมตร จึงมีการขุดดินออกมาถมด้านหน้า ใช้เวลาถมประมาณ 10 วัน เป็นเหตุให้ทางเทศบาลไม่ทราบ จนมามีชาวบ้านร้องเรียนเข้ามาเมื่อวันที่ 9 เม.ย.68 เจ้าหน้าที่เทศบาลลงพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 10-11 เม.ย.68 และกลับมาเตรียมเอกสารหลักฐาน จนมาช่วงหยุดสงกรานต์ และมีการออกคำสั่งให้หยุดดำเนินการเมื่อวันที่ 16 เม.ย.68 ตอนนี้จะไปแจ้งความไว้ก่อน
ในส่วนของทางชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ เราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ให้ทางหน่วยงานป้องกันของเทศบาล เข้าดูแลในเรื่องของการล้างบ้าน ล้างถนน ได้มีการช่วยในเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว หลังจากออกคำสั่งไปแล้วภายใน 7 วัน โครงการจะต้องมีการมายื่นแบบเพื่อขออนุญาตให้ถูกต้อง ซึ่งทางเทศบาลก็จะต้องตรวจสอบ ว่าแบบที่ยื่นจะมีการถมดินสูงแบบปัจจุบันหรือไม่ ซึ่งถ้าเป็นแบบปัจจุบันทางเทศบาลก็คงอนุญาตให้ไม่ได้ คงจะต้องมีการปรับลดลงมา เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ และชาวบ้านอยู่กันได้