วันนี้ (18 พ.ค.68) ที่จังหวัดอุทัยธานี ผู้สื่อข่าวได้รับทราบความเดือดร้อนของเกษตร รายหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 1 บ้านหนองขุนทอง ตำบลหนองนางนวล อำเภอหนองฉาง ซึ่งได้เปิดเผยเรื่องราวสุดเศร้าใจของคนที่มีอาชีพเกษตรกร หลังหนีราคาข้าวที่ตกต่ำ ทำนาแล้วไม่คุ้มทุน หันมาปลูกดอกดาวเรืองส่งขาย หวังมีเงินใช้ลืมตาอ้าปาก แต่สุดท้ายไม่เป็นอย่างหวัง ราคาดอกดาวเรืองรับซื้อต่ำสุดเพียงดอกละ 10 สตางค์เท่านั้น ตัดขาย 100 ดอก ได้เงินแค่ 10 บาท ทำให้ขาดทุนหนักซ้ำเติม ตัดสินใจยอมแพ้ ปล่อยดาวเรืองที่เหลือทิ้งยกสวน
นางสำเริง อินทนู อายุ 50 ปี เล่าว่า ก่อนหน้านี้ทำนา แต่ด้วยราคาข้าวที่ตกต่ำลงมาก จึงตัดสินใจลองเปลี่ยนมาปลูกดอกดาวเรือง เพราะเห็นว่ามีเกษตรกรในหมู่บ้านหลายคน ปลูกแล้วได้เงินดี แต่สุดท้ายราคาดอกดาวเรืองกลับถูกยิ่งกว่าข้าว เนื้อที่ 1 ไร่ ในการปลูกต้นดาวเรือง 10,000 ต้น ใช้เวลาประมาณ 55-60 วัน จึงตัดขาย แต่เมื่อถึงวันที่ดาวเรืองนั้นสามารถเก็บดอกส่งขายได้ รอบแรกตัดขาย 6,000 ดอก ได้เงินเพียง 530 บาท เฉพาะค่าจ้างคนเก็บชั่วโมงละ 40 บาท ก็มากถึง 660 บาท ยังไม่รวมค่าแรงตนเองด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นราคาดอกดาวเรืองก็ต่ำลงเรื่อย ๆ ดอกดาวเรืองไซส์ใหญ่ เดิมเคยรับซื้อดอกละ 1 บาท ตอนนี้เหลือแค่ดอกละ 25 สตางค์ หรือ 100 ละ 25 บาทเท่านั้น และที่หนักสุดก็คือ ดอกดาวเรืองไซส์กลาง เดิมอยู่ที่ดอกละ 80 สตางค์ ตอนนี้ลดลงมาเหลืออยู่แค่เพียงดอกละ 10 สตางค์ รวมแล้ว 100 ดอก จะได้เงินแค่ 10 บาทเท่านั้น ตั้งแต่ปลูกมา ได้ค่าดอกดาวเรืองคืนมาแค่ 5,000 บาท แต่ลงทุนไปเยอะมาก รวม ๆ แล้วครั้งนี้น่าจะขาดทุนไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท
“ตอนนี้จึงตัดสินใจไม่ไปต่อ ปล่อยแปลงดอกดาวเรืองให้ทิ้งร้าง ทยอยเก็บดอกที่ยังพอเก็บขายได้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหมดแปลง หลังจากนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะทำอะไรต่อดี เพราะไม่มีเงินทุนแล้ว ตั้งใจหวังว่าจะปลูกดาวเรืองขายใช้หนี้ กลับได้หนี้เพิ่มมาอีกก้อน”
นางสำเริง บอกด้วยว่า เกษตรกรลำบากกันมาก ทำนา ข้าวก็ราคาตกต่ำ จะปลูกอะไรขายก็ได้ราคาต่ำ แต่ข้าวของที่ซื้อกลับแพงขึ้นทุกอย่าง ซ้ำเงินข้าวช่วยชาวนา 10,000 บาท ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครได้ สงสัยรอบนี้น่าจะไม่ได้กันแล้ว อยากให้ทางรัฐบาลนั้นช่วยหนุนเรื่องราคาข้าวและราคาสินค้าให้สูงขึ้นกว่านี้ เพื่อให้เกษตรกรลืมตาอ้าปากกันได้บ้าง