ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาหลังมีการเคลื่อนกำลังทหาร อาวุธหนักเข้าพื้นที่ต่อเนื่อง นับตั้งแต่เกิดกรณีแม่บ้านทหารกัมพูชาทำกิจกรรมบนปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ จนมีการปะทะคารมณ์ระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา
ต่อมากัมพูชาเพิ่มกำลังทหารในพื้นที่พร้อมนำอาวุธเข้ามาประจำการต่อเนื่องโดยมีกำลังพลประมาณกว่า10,000 นาย แต่หลังเกิดเหตุปะทะช่องบก เพิ่มกำลังอีกกว่า3,000นาย ทำให้มีทหารกัมพูชาอยู่ในพื้นที่เกือบ15,000 นาย
มีอาวุธหนักตั้งเต็มพื้นที่ชายแดนกัมพูชาเช่นกัน พร้อมหันปลายกระบอกปืนมายังฝ่ายไทย
เครื่องยิงจรวด4ลำกล้องติดตั้งบนรถบรรทุก6ล้อและรถบรรทุกจรวด60ลูก1คัน
จรวดหลายลำกล้อง RM-70 ขนาด122 มม.
ปืนสั้น SH-1A ขนาด 155 มม.
รถเรดาร์อุตุนิยมวิทยา702D
รถถังรุ่น T-55
ปืนใหญ่ขนาด130มม.M-64
ปืนใหญ่ขนาด 122 มม.
ปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน23มม.ZU-23
จรวดต่อสู้อากาศยานระดับเพดานต่ำ QW-3
ปืนไร้แรงสะท้อนขนาด82มม.
ปืน ค.60
ปืนกลหนัก12.7มม.
ปืนใหญ่ลากจูง ป.125 มม.TYPE-85 จากจีน
ปืนใหญ่ลากจูง ป.อัตราจร ขนาด155มมSH1A จากจีน
เครื่องยิงลูกระเบิดกึ่งอัตโนมัติรุ่นLG-4 จากจีน
จรวดหลายลำกล้อง BM-21 สหภาพโซเวียต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หนูน้อยอารมณ์ดี! “น้องสเปซ” หัวเราะชอบใจ เมื่อถูกพ่อเป็กฟัดแก้ม น่ารัก น่ามันเขี้ยวสุดๆ