บันทึกประวัติศาสตร์การรบอันดุเดือด ณ สมรภูมิปราสาทตาควาย ที่ทหารไทยสละชีพ 4 นาย ยืนหยัดสู้ศึกอย่างกล้าหาญ ก่อนเสียงปืนสงบลงพร้อมชัยชนะอันยิ่งใหญ่ และธงไตรรงค์ยังคงโบกสะบัดเหนือแผ่นดินไทย
ข่าวที่น่าสนใจ
นักเรียนไทยอัดคลิปถึง UN ประณามกัมพูชาถล่มไทยไร้มนุษยธรรม
กองทัพภาคที่ 2 โพสต์ขอบคุณ “นักรบผู้กล้า” ทำหน้าที่สมบูรณ์แบบ ชาวเน็ตแห่ให้กำลังใจท่วมท้น
ขอบคุณภาพจากเพจ: วังวนไดอารี่
เหตุการณ์ปะทะชายแดนไทย-กัมพูชาเมื่อคืนวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้จารึกวีรกรรมอันหาญกล้าของทหารไทยไว้ในประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ณ ปราสาทตาควาย ที่กลายเป็นจุดชี้ชะตาในการปกป้องอธิปไตย ซึ่งแลกมาด้วยการพลีชีพของทหารกล้าจาก กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31) จำนวน 4 นาย
สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นตั้งแต่เวลา 22.15 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เมื่อสมรภูมิปราสาทตาควายเริ่มปะทุเดือด หน่วยรบพิเศษของไทยเข้าประจันหน้ากับ กองบัญชาการองครักษ์ฮุนเซน (BHQ) ของกัมพูชา ที่พยายามเข้าควบคุมพื้นที่ก่อนเส้นตายหยุดยิงเที่ยงคืน
เสียงปืนและอาวุธหนักดังกึกก้องไปทั่วทุกสมรภูมิจนถึง 23.15 น. เพียงครึ่งชั่วโมงก่อนเส้นตายหยุดยิง เครื่องบิน F-16 ของไทย ได้ขึ้นบินปฏิบัติการทิ้งระเบิดเพื่อตัดเส้นทางส่งกำลังสนับสนุนจุดตั้งปืนใหญ่ของฝ่ายตรงข้ามบริเวณปราสาทตาควาย โดยภารกิจลุล่วงและกลับฐานได้อย่างปลอดภัย การโจมตีทางอากาศนี้สร้างความเสียหายอย่างหนักแก่กำลังพล BHQ ที่ปราสาทตาควาย
แม้จะล่วงเข้าสู่ วันที่ 29 กรกฎาคม เพียงไม่กี่นาทีหลังเที่ยงคืน (00.05 น.) เสียงอาวุธหนักยังคงตอบโต้กันสนั่นบริเวณช่องสายตะกู ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ต้องหลบอยู่ในบังเกอร์เพื่อความปลอดภัย ทว่าในเวลา 00.10 น. มีรายงานว่าเสียงปืนที่ปราสาทตาควายสงบลงแล้ว และทหารไทยสามารถควบคุมพื้นที่ไว้ได้
อย่างไรก็ตาม แนวรบด้านจังหวัดตราดกลับปะทุขึ้นในเวลา 00.20 น. โดยทหารกัมพูชาเปิดฉากโจมตีตั้งแต่ก่อนเที่ยงคืน แต่กำลังพล นาวิกโยธินไทย สามารถรับมือได้และสถานการณ์สงบลงในเวลา 00.30 น.
กองทัพบกได้โพสต์ยืนยันในเวลา 00.35 น. ว่าได้มีการหยุดยิงทุกพื้นที่ตามข้อตกลงแล้ว แต่กำลังทหารไทยยังคงตรึงกำลังควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด
ในเวลาต่อมา 00.48 น. มีรายงานยืนยันว่าทหารไทยสามารถยึดปราสาทตาควายคืนได้ โดยทหาร ร.13 ระดมกำลังเข้าตี ส่งผลให้มีทหารไทยได้รับบาดเจ็บรวม 126 นาย
จากนั้นในเวลา 00.58 น. เพจปราชญ์ สามสี ได้รายงานเบื้องต้นว่า “รอ ทัพภาคสองยืนยัน… 28 ก.ค. 2568 ดินแดนไทยทั้งหมด ไม่เสียอธิปไตย” และในเวลา 01.00 น. มีรายงานเพิ่มเติมว่า ทหาร ร.31 ได้สละชีพ 4 นาย เพื่อรักษาปราสาทตาควายให้อยู่ภายใต้อธิปไตยและการควบคุมของไทยอย่างสมบูรณ์
เวลา 02.01 น. เพจปราชญ์ สามสี ได้เน้นย้ำถึงวีรกรรมอันหาญกล้าของ ร.31 ว่า “ทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31) ยอมแลก 5 นาทีสุดท้ายก่อนถึงเส้นตายหยุดยิง ยืนประจันหน้ากับผู้รุกราน เพื่อปกป้องผืนพื้นแผ่นดินไทย แบบถวายชีวิตได้มาด้วยชัยชนะเหนือ #ปราสาทตาควาย” ก่อนที่ กองทัพภาคที่ 2 จะโพสต์ข้อความสดุดีในเวลา 02.14 น. ว่า “ขอบคุณนักรบผู้กล้าที่ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์”
รายละเอียดที่เพจปราชญ์ สามสี เผยแพร่ในเวลา 02.20 น. ยิ่งตอกย้ำถึงความดุเดือดของการสู้รบ โดยระบุว่าศัตรูที่บุกเข้ามาคือหน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นกำลังหลักของกัมพูชา พร้อมระบบยิงจรวด BM-21 และที่น่ากังวลที่สุดคือการใช้ โดรนพลีชีพ (Suicide Drone) ควบคุมโดยนักบินฝีมือระดับนานาชาติ ซึ่งบางรายเชื่อว่าเป็นอดีตทหารรับจ้างจากรัสเซีย แม้ฝ่ายตรงข้ามจะมีกำลังพลและอาวุธเหนือกว่าหลายเท่า แต่ทหารไทยโดยเฉพาะ ร.31 DAF (หน่วยรบพิเศษของไทย) ก็ยืนหยัดอย่างมั่นคงบนแนวหน้า ปะทะประชิดกับศัตรู และยังรับมือกับการโจมตีจากอากาศและโดรนพร้อมกัน พวกเขาไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว แม้ปราสาทตาควายจะเป็นพื้นที่ราบเปิดโล่ง ไร้ที่กำบัง ซึ่งแตกต่างจากสมรภูมิอื่น ๆ ที่ไทยมีภูมิประเทศสูงชันได้เปรียบ
ชัยชนะครั้งนี้มีความหมายยิ่งนัก เนื่องจาก วันที่ 28 กรกฎาคม ไม่ใช่แค่วันแห่งชัยชนะ แต่ยังตรงกับ วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 การปกป้องปราสาทตาควายไว้ได้จึงเป็นการเทิดพระเกียรติในวันมหามงคลนี้อย่างแท้จริง
ขอคารวะทุกชีวิตที่ยืนหยัด ณ ยุทธภูมิตาควาย ขอสดุดี “นักรบไทย” ผู้ป้องกันแผ่นดินด้วยเลือดเนื้อและหัวใจ เพราะชาติจะอยู่ได้ ก็ต่อเมื่อมีคนพร้อมจะยืนหยัดในจุดที่คนอื่นถอย ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ – ถึงไหน ถึงกัน