ล่าสุดรายงานข่าวกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการบัญชีเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของสถาบันการเงิน พ.ศ. …. ใหม่อีกครั้งระหว่างวันที่ 11 มิ.ย.-18 ก.ค. 2561 ผ่านทางเว็บไซต์ของ สศค. นอกจากนี้ สศค. จะจัดประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ. การบริหารจัดการบัญชีเงินฝากฯ ในที่ 16 ก.ค. 2561
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สศค. ได้เปิดรับฟังความเห็นเมื่อปลายปี 2560 ซึ่งผู้แสดงความเห็นที่มีหน่วยงานภาครัฐภาคเอกชน และประชาชน ซึ่งประเด็นความคิดเห็นส่วนใหญ่มีความคล้ายคลึงกัน เช่น ไม่เข้าใจความหมายของบัญชีเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวที่สถาบันการเงินจะต้องนำส่งเข้าบัญชีฯ โดยมักเข้าใจผิดว่าเป็นบัญชีเงินฝากทุกประเภท ไม่ทราบระยะเวลาการไม่เคลื่อนไหวของบัญชีเงินฝากตามนิยามของร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ เข้าใจว่าเป็นการริบเงินประชาชนเพื่อให้ภาครัฐนำไปใช้ประโยชน์
ดังนั้น เพื่อให้เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในร่างกฎหมายฉบับนี้สามารถรับรู้เนื้อหาสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ. การบริหารจัดการบัญชีเงินฝากฯ และสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นมากขึ้น จึงเห็นควรให้มีการรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ. การบริหารจัดการบัญชีเงินฝากฯ อีกครั้ง
ทั้งนี้ หากเจ้าของบัญชีหรือทายาท ไม่ดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้สถาบันการเงินปิดบัญชีเงินฝาก และนำส่งข้อมูลบัญชีเงินฝากและเงินให้กรมบัญชีกลางเก็บไว้ ซึ่งจะเก็บไว้ไม่นำไปใช้จ่าย โดยเจ้าของบัญชีหรือทายาท มีสิทธิเรียกร้องในเงินฝาก หากประสงค์จะขอรับเงินคืน ก็สามารถติดต่อคืนจากกรมบัญชีกลางได้
ทั้งนี้ ระบบกฎหมายในปัจจุบันยังไม่ได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์ในการบริหารจัดการบัญชีเงินฝากซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวในทางธุรกรรมการเงินเป็นระยะเวลานานของสถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ทำให้ไม่มีการบริหารจัดการเงินในบัญชีเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม เป็นหลักการสากล โดยจะนำเงินมาไว้ในคงคลัง แต่ไม่ได้นำเงินจำนวนนี้ไปใช้อย่างอื่น เพราะเป็นเงินฝากของประชาชน แค่มาพักไว้เท่านั้น เมื่อเจ้าของบัญชีมีหลักฐานมาขอคืนเงิน ก็จะส่งมอบคืนให้ ปัจจุบันมีบัญชีเงินฝากที่ไม่เคลื่อนไหวระดับหมื่นล้านบาท