วันที่ 24 มิ.ย. ที่โรงแรมเดอ ครียง (Hotel De Crillon) กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส “พล.ท. วีรชน สุคนธปฏิภาค” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า “พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี รับฟังบรรยายสรุปความสัมพันธ์ไทย – ฝรั่งเศส และเป็นประธานมอบนโยบายแก่ทีมประเทศไทย โดยมี “นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี
“นายดอน ปรมัตถ์วินัย” รมว.ต่างประเทศ “นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี “นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รมว.พาณิชย์ “นายอุตตม สาวนายน” รมว.อุตสาหกรรม “นายคณิศ แสงสุพรรณ” เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพัฒนาเขตพิเศษภาคตะวันออก และ “นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร” เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ร่วมรับฟังด้วยซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การเดินทางเยือนสหราชอาณาจักร – สาธารณรัฐฝรั่งเศส ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่า ประเทศชั้นนำของยุโรป ให้ความสนใจประเทศไทย มองเห็นโอกาสและความร่วมมือกับไทยโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ในการพบหารือกับประธานาธิบดีฝรั่งเศส ก็พร้อมที่จะพูดคุยถึงโอกาสและลู่ทางความร่วมมือระหว่างไทยและฝรั่งเศสในทุกระดับทุกมิติ
ทั้งความร่วมมือในระดับทวิภาคี การค้าการลงทุน ความร่วมมือในระดับภูมิภาคในฐานะที่ไทยจะเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า กับการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอาเซียนและสหภาพยุโรป รวมทั้งความร่วมมือในประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายสนใจทั้งสิ่งแวดล้อม สาธารณสุข การศึกษา นวตกรรม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ด้วย
ในโอกาสนี้ เอกอัคคราชทูต ประจำกรุงปารีส กล่าวบรรยายความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศสว่า เป้าหมายความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย คือ การเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ซึ่งกันและกัน เป็น Strategic Partnership ในทุกระดับ รวมถึงโอกาสทางเศรษฐกิจที่ฝรั่งเศสจะเข้ามาความเป็นหุ้นส่วนนโยบาย Thailand 4.0 อย่างเป็นรูปธรรม
คือ ความร่วมมือกับบริษัทแอร์บัส และการบินไทย การค้าและการลงทุนเป็นไปในลักษณะทั้งสองด้านคือ เอกชนไทยก็ใช้ฝรั่งเศสเป็น platform สำคัญในการเข้าสู่สหภาพยุโรป ร่วมทั้งความร่วมมือในระดับภูมิภาคระหว่างอาเซียนและสหภาพยุโรป สอดคล้องกับนโยบายของประเทศไทย ที่ต้องการสร้างความร่วมแข็งแกร่งในภูมิภาคด้วย
วันเดียวกัน เพจ ประเทศไทยเดินหน้าทันโลก ได้รายงานว่า ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาเยือนประเทศฝรั่งเศส นอกจากการเข้าร่วมกิจกรรมตามกำหนดการอย่างเป็นทางการแล้ว นายกรัฐมนตรียังใช้เวลาช่วงสั้นๆในการเดินออกกำลังและสำรวจพื้นที่บริเวณรอบโรงแรมที่พัก
เพื่อดูแนวปฏิบัติในการบริหารจัดการพื้นที่ การรักษาความสะอาด การจราจรและอื่นๆ ที่ทำให้กรุงปารีสเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้นับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีมีวัตถุประสงค์จะนำแนวทางเหล่านั้นมาปรับใช้ในประเทศไทยเพื่อพัฒนาให้กรุงเทพและจังหวัดอื่นๆของประเทศไทยพัฒนาไปสู่การเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกต่อไป