เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่เมื่อวานนี้ (27 มิ.ย.) รถไฟฟ้าบีทีเอสเกิดระบบอาณัติสัญญาณขัดข้องในสายสุขุมวิท และสายสีลม ส่งผลกระทบให้ขบวนรถบางขบวนเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็วต่ำ และจอดที่สถานีนานกว่าปกติ ทำให้เกิดความล่าช้าโดย มีประชาชนจำนวนมากแห่มาใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน หลังจากที่รถไฟฟ้าสายสีเขียวของบีทีเอสเกิดเหตุขัดข้องเดินรถล่าช้าเป็นวันที่สามติดต่อกันแล้ว จนทำให้เกิดปริมาณความแออัดจำนวนมากบนชานชาลาบริเวณสถานีเตาปูน ของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน  ขณะที่ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายสกลธี ภัททิยกุล บอกว่า หลังจากการหารือกับ บีทีเอส, สำนักการจราจรและขนส่ง กทม. และ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) ได้ข้อสรุปว่า กทม. จมีการพิจารณาเปรียบเทียบปรับค่าจ้างเดินรถบีทีเอส เป็นจำนวนเงิน 1,800,000 บาท จากปัญหาความขัดข้องที่เกิดขึ้นในเดือน มิ.ย. นี้ คิดเป็นอัตรา 0.6% จากสัญญาเดินรถ จำนวน 300 ล้านบาท และมาจากการที่บีทีเอสไม่สามารถเดินรถได้ตามตัวชี้วัด (KPI) ด้านการตรงต่อเวลาที่ 97.5% แต่ต้องดูว่าการหยุดเดินรถในเดือนนี้จะมีผล KPI เท่าไหร่

 ทางด้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ บอกว่า ผู้เกี่ยวข้องกำลังแก้ปัญหากันอยู่ โดยขอเวลาถึงวันที่ 29 มิ.ย. นี้ และอาจต้องแก้ไขเรื่องระบบอาณัติสัญญาณ โดยได้กำชับฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ไปดูว่าเมื่อแก้ปัญหาในช่วงนีได้แล้ว จะหาวิธีแก้ไขอย่างถาวรในระยะยาวต่อไปอย่างไร เมื่อถามถึงการที่ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ปัญหาและเรียกร้องให้เปลี่ยนผู้ได้รับสัมปทานการเดินรถไฟฟ้าในสายที่มีปัญหาบ่อยครั้ง นายอาคมได้ปฏิเสธตอบคำถามนี้ โดยล่าสุด เมื่อเช้าวันนี้ (28 มิ.ย.) บีทีเอสได้ประกาศ การเดินรถในสายสุขุมวิทและสายสีลม มีขบวนรถให้บริการปกติทุกสถานี แต่ในขณะเดียวกันก็พบว่าได้มีผู้โดยสารจำนวนมากสะสมในสถานีอ่อนนุช, สถานีพระโขนง สถานีสะพานควาย ทำให้ผู้โดยสารไม่พอใจอย่างมาก