เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

“สิงโตคำราม” อังกฤษ ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศได้สำเร็จหลังดวลจุดโทษเฉือน โคลอมเบีย 4-3 จากการเสมอในเวลาปกติ 1-1 และ ต่อเวลาพิเศษยังทำอะไรกันไม่ได้ ส่งผลให้อังกฤษเข้าไปตัดเชือกกับ “ไวกิ้ง” สวีเดน ต่อไป ในศึกฟุตบอลโลก 2018 (รอบ 16 ทีมสุดท้าย) เมื่อคืนวันอังคารที่ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา

 

 

สนาม : อ็อตครีที อารีน่า, มอสโก, ประเทศรัสเซีย

อังกฤษ มาแบบฟูลทีม นำทัพโดย แฮร์รี่ เคน, เดเล่ อัลลี่ และ ราฮีม สเตอร์ลิง ส่วน โคลอมเบีย ไร้จอมทัพคนสำคัญอย่าง ฮาเมส โรดริเกซ ที่ฟิตไม่ทัน แต่ดาวดังคนอื่นๆ อย่าง ฮวน กวาดราโด้, ฮวน กินเตโร่ และ ราดาเมล ฟัลเกา พร้อมลุย

 

 

เริ่มเกมมา อังกฤษ เป็นฝ่ายบี้ก่อน และมีลุ้นตั้งแต่นาทีที่ 6 จากลูกฟรีคิกที่ แอชลี่ย์ ยัง เปิดเข้ามาแบบได้เสียว แต่ ดาวิด ออสปิน่า ทุบออกมาได้ เกมช่วง 10 นาทีแรก อังกฤษ เป็นฝ่ายบุกได้มากกว่า และได้ฟาวล์หลายครั้ง แต่ยังไม่สามารถเจาะประตูขึ้นนำ โคลอมเบีย ได้ นาทีที่ 16 “สิงโตคำราม” ได้ลุ้นจากจังหวะที่ คีแรน ทริปเปียร์ เปิดบอลเข้าทางเสาไกลให้ แฮร์รี่ เคน แต่ดาวยิง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ พุ่งโหม่งข้ามคานไป เกมผ่านพ้นไปราว 20 นาที ยังคงเป็น อังกฤษ ที่เดินเกมรุกแบบต่อเนื่อง ทว่าหลังจากนั้น โคลอมเบีย เริ่มตั้งหลักได้ แต่ก็ยังตอบโต้ได้น้อยมาก

 

 

นาทีที่ 40 นักเตะทั้งสองฝ่ายมีการกระทบกระทั่งกันในจังหวะที่ อังกฤษ ได้ลูกฟรีคิกระยะ 20 หลา ก่อนที่ ทริปเปียร์ ยิงหลุดกรอบไปแบบได้เสียวเล็กๆ ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ โคลอมเบีย ได้ลุ้นบ้างจากการยิงระยะ 20 หลาของ ฮวน กินเตโร่ แต่บอลไปตรงตัว จอร์แดน พิคฟอร์ด นายประตูอังกฤษ ที่รับแบบสบายๆ หลังจากนั้นเป็น อังกฤษ ที่ได้ลุ้นจากการยิงของ เจสซี่ ลินการ์ด แต่ข้ามคานไป จบ 45 นาทีแรก อังกฤษ กับ โคลอมเบีย เสมอกันอยู่ 0-0 โดยที่ “สิงโตคำราม” มีรูปเกมที่ดูดีกว่า แต่ยังไม่มีความเฉียบมากพอในการทำสกอร์

 

 

เริ่มเกมครึ่งหลังมาได้แค่ 9 นาที อังกฤษ มาได้ลูกจุดโทษ จากจังหวะที่ ดาวินซอน ซานเชซ ไปทำฟาวล์ เคน และก็เป็น เคน ที่สังหารเข้าไปแบบเฉียบขาด และถือเป็นประตูที่ 6 ของเจ้าตัวในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ อังกฤษ ขึ้นนำ 1-0 นาทีที่ 65 อังกฤษ เกือบได้ประตูเพิ่ม จากจังหวะที่ ทริปเปียร์ เปิดบอลไปเสาไกลให้ เดเล่ อัลลี่ โหม่ง แต่บอลข้ามคานไป จากนั้นนาทีที่ 73 อังกฤษ มีโอกาสอีกจากจังหวะที่ ลินการ์ด ได้หลุดเข้าไป โดยที่ เคน ยืนรอโล่งๆ อยู่ตรงกลาง แต่ลูกเปิดของ ลินการ์ด ถูก ดาวินซอน ซานเชซ บล็อกเอาไว้ได้

 

 

นาทีที่ 82 โคลอมเบีย มีโอกาสทอง จากจังหวะที่ บัคก้า ได้หลุดเข้าไปเลี้ยงจี้ จอห์น สโตนส์ ก่อนเปิดไปให้ ฮวน กวาดราโด้ ทว่าดาวเตะจาก ยูเวนตุส ซัดบอลข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย นาทีที่ 88 ราดาเมล ฟัลเกา หัวหอกโคลอมเบีย ลองซัดนอกกรอบเขตโทษ แต่ จอร์แดน พิคฟอร์ด รับเอาไว้ได้สบายๆ ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ โคลอมเบีย เกือบได้ประตูตีเสมอจากการยิงไกลระยะ 30 หลาของตัวสำรองอย่าง มาเตอุส อูริเบ้ แต่ พิคฟอร์ด ปัดออกหลังไป และจากลูกเตะมุมลูกนี้ โคลอมเบีย ตีเสมอ 1-1 จนได้ จากการโขกของ เยร์รี่ มีน่า ซึ่งถือเป็นประตูที่ 3 ของเจ้าตัวในทัวร์นาเมนต์ด้วย จบ 90 นาที อังกฤษ เสมอ โคลอมเบีย 1-1 ทำให้เกมต้องมีการต่อเวลาพิเศษออกไป

 

ช่วงต่อเวลาพิเศษ โคลอมเบีย ที่กำลังคึก เป็นฝ่ายทำเกมได้มากกว่า และดูอันตรายมากกว่าเกมช่วงเวลาปกติ แต่ก็ไม่มีโอกาสเข้าทำแบบเน้นๆ และจบครึ่งแรกของการต่อเวลาด้วยการที่เสมอกันอยู่ 1-1 นาทีที่ 113 อังกฤษ มีโอกาสดี จากจังหวะที่ แดนนี่ โรส ได้ยิง แต่บอลเฉียดเสาออก แม้เกมเป็น “สิงโตคำราม” ที่ทำได้ดีกว่า ทว่าสุดท้ายไม่มีฝ่ายใดทำประตูได้ จบเกมทั้ง 120 นาที อังกฤษ เสมอ โคลอมเบีย 1-1 ต้องไปตัดสินหาผู้ชนะในการดวลลูกจุดโทษ

 

โคลอมเบีย คนที่ 1 ราดาเมล ฟัลเกา – เข้า
อังกฤษ คนที่ 1 แฮร์รี่ เคน – เข้า

โคลอมเบีย คนที่ 2 ฮวน กราดราโด้ – เข้า
อังกฤษ คนที่ 2 มาร์คัส แรชฟอร์ด – เข้า

โคลอมเบีย คนที่ 3 หลุยส์ มูเรียล – เข้า
อังกฤษ คนที่ 3 จอร์แดน เฮนเดอร์สัน – ไม่เข้า

โคลอมเบีย คนที่ 4 มาเตอัส อูริเบ้ – ไม่เข้า
อังกฤษ คนที่ 4 คีแรน ทริปเปียร์ – เข้า

โคลอมเบีย คนที่ 5 คาร์ลอส บัคก้า – ไม่เข้า
อังกฤษ คนที่ 5 เอริค ดายเออร์ – เข้า

อังกฤษ ชนะ ดวลจุดโทษ 4-3 หลังเสมอกัน 1-1 ใน 120 นาที ทำให้ “สิงโตคำราม” ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ ไปชนกับ สวีเดน

 

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

โคลอมเบีย (4-3-3) : ดาวิด ออสปิน่า – ซานติอาโก้ อารีอาส (คริสเตียน ซาปาต้า แทน น. 116), เยร์รี่ มีน่า, ดาวินซอน ซานเชซ, โยฮัน โมฮิก้า – วิลมาร์ บาร์ริออส, การ์ลอส ซานเชซ (มาเตอัส อูริเบ้ แทน น. 79), เจฟเฟร์ซอน เลร์ม่า (คาร์ลอส บัคก้า แทน น. 63) – ฮวน กวาดราโด้, ฮวน กินเตโร่ (หลุยส์ มูเรียล แทน น.88) – ราดาเมล ฟัลเกา (กัปตันทีม)

เทรนเนอร์ :  โฮเซ่ เปเกร์มัน

 

 

อังกฤษ (3-5-2) : จอร์แดน พิคฟอร์ด – ไคล์ วอล์คเกอร์ (มาร์คัส แรชฟอร์ด แทน น. 113), จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์ – คีแรน ทริปเปียร์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เดเล่ อัลลี่ (เอริค ดายเออร์ แทน น.81), เจสซี่ ลินการ์ด, แอชลี่ย์ ยัง (แดนนี่ โรส แทน น.103) – ราฮีม สเตอร์ลิง (เจมี่ วาร์ดี้ แทน น. 88), แฮร์รี่ เคน (กัปตันทีม)

เทรนเนอร์ : แกเร็ธ เซาธ์เกต

ผู้ตัดสิน : มาร์ค ไกเกอร์ (สหรัฐอเมริกา)