เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

 ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเช่าชั้นเดียว กลางบ้านพบศพ นางวราภรณ์ ประโยชน์มี อายุ 50 ปี ใช้เชือกไนล่อนสีขาวผูกคอกับเหล็กคานของตัวบ้านเสียชีวิต ใกล้กันบริเวณพื้นบ้านซึ่งใช้เป็นที่หลับนอนพบศพ นายบุญทัน ภาชะโน อายุ 32 ปี ทั้งคู่เป็นผัวเมียชาว จ.มหาสารคาม  โดยฝ่ายชายมีบาดแผลถูกตีด้วยของแข็งเข้าที่ท้ายทอย ศรีษะ โหนกแก้ม ปาก เป็นแผลฉกรรจ์หลายแห่ง มีเลือดกระเซ็นติดผนัง โดยที่บริเวณเหนือศรีษะผู้ตายพบค้อนปอนด์ ขนาดใหญ่เปื้อนเลือดตกอยู่ 1 อัน ข้างกันมีขวดยาฆ่าหญ้ายี่ห้อหนึ่ง ใส่ถุงพลาสติกตั้งอยู่ 1 ขวด ในสภาพยังไม่ได้เปิดฝาออกใช้ และมีสุนัข 2 ตัว นอนเฝ้าศพสองผัวเมียไม่ห่าง

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ และตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุถูกสุนัขสองตัวแยกเขี้ยวขู่ไม่ให้เข้าใกล้ศพผู้เป็นเจ้าของ ทำให้อาสามูลนิธิอีกส่วนหนึ่งต้องใช้ปีกไก่ล่อสุนัขทั้งคู่ให้ออกจากบ้าน จึงสามารถตรวจที่เกิดเหตุและชันสูตรพลิกศพเบื้องต้นได้ ก่อนมอบศพให้มูลนิธิฯนำส่งนิติเวชเพื่อชันสูตรอีกครั้ง

สอบสวนนางบรรจง ศิริเขตต์ อายุ 45 ปี เจ้าของบ้านเช่า ให้การว่า ผู้ตายทั้ง 2 คน เป็นสามีภรรยากัน พึ่งมาเช่าบ้านอยู่ได้เพียงครึ่งเดือนเศษ โดยนายบุญทัน ทำงานเป็นพนักงานขับรถโรงปูน ส่วนนางวราภรณ์ เป็นแม่บ้านบริษัทรับเหมา โดยก่อนหน้านี้มักเห็นทั้งคู่มีปากเสียงตบตีกันบ่อยครั้ง จนล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายบุญทัน ได้ทำร้ายร่างกายนางวราภรณ์ บาดเจ็บสาหัสจนต้องหามส่ง รพ. ทั้งคู่จึงตัดสินใจเลิกรากันไป แต่ฝ่ายหญิงยังวนเวียนกลับมาหาฝ่ายชายอยู่เรื่อยๆ

ส่วนนายบุญทัน หลังเลิกกับนางวราภรณ์ ก็ได้มาสนิทสนมกับตน เพราะตนเพิ่งเลิกกับสามีเช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้นางวราภรณ์ ทราบแต่ไม่ได้มาต่อว่าหรือหึงหวงตนแต่อย่างใด เพราะรู้ดีว่าสามีเป็นคนเจ้าชู้ แต่นางวราภรณ์ เคยพูดจาข่มขู่ให้คนอื่นฟังว่า หากตนเอง(นางวราภรณ์) ไม่ได้คนอื่นก็ไม่ได้เช่นกัน ซึ่งตนไม่คิดว่านางวราภรณ์จะตัดสินใจก่อเหตุเช่นนี้ได้ นางบรรจงกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ก่อนฝ่ายหญิงจะใช้ค้อนสังหารสามี ได้ล่อลวงให้ฝ่ายสามีมีอะไรกันกับตน เมื่อเสร็จกิจ ฝ่ายสามีคงเพลียและเผลอหลับ ฝ่ายหญิงที่เตรียมการณ์ไว้ก่อนแล้ว จึงใช้ค้อนที่เตรียมมาและซุกซ่อนไว้กระหน่ำตีสามีชนิดไม่ยั้งจนเสียชีวิต แล้วตนเองหวังจะใช้ยาฆ่าหญ้าที่เตรียมมาดื่มเพื่อฆ่าตัวตาย แต่เปลี่ยนใจหันมาใช้เชือกผูกคอตายตามจนเป็นเหตุสลดดังกล่าว