เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.61 นายสุรัตน์ แผ้วเกตุ เกษตรกรชาวชัยนาท หรือฉายาที่ชาวเน็ตเรียกว่า “พี่คล้าว 2018” พร้อม นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ ประธานชมรมสนับสนุนการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม เพจสายตรงกฎหมาย เข้ายื่นหนังสือกับ พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช ผกก. สน.คันนายาว เพื่อขอถอนข้อหา “เรี่ยไรเงิน” ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ข้อหา(ฉ้อโกงประชาชน, ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, พ.ร.บ.เรี่ยไรเงิน และฟอกเงิน) ที่นายสุรัตน์ถูกดำเนินคดี

จากการที่ นายบุญเลิศ กาฬภักดี นายก อบต.สุขเดือนห้า เจ้าของควาย “ทองคำ” เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นายสุรัตน์ หลังนำรูปของตนเองที่ถ่ายคู่กับควายทองคำไปโพสต์ในเฟซบุ๊ก และรับบริจาคเงินเพื่อนำมาซื้อควายทองคำ ได้เงินกว่า 1 แสน 3 หมื่นบาท แต่ใช้คำว่า “ไถ่” ทำให้นายบุญเลิศ มองว่า ตนเองได้รับความเสียหายถูกมองว่าเป็นคนใจร้าย เพราะคำว่า “ไถ่” ทำให้รู้สึกว่าจะส่งควายไปโรงเชือด

อย่างไรก็ตาม หลังคู่กรณีไกล่เกลี่ยต่อหน้าพ.ต.อ.สิงห์ ปรากฏว่าจบลงด้วยดี นายบุญเลิศ และ นายสุรัตน์ ได้ทำข้อตกลงในการให้นายสุรัตน์ นำควายทองคำกลับไปเลี้ยงชั่วคราว เนื่องจาก พื้นที่ในการดูแลที่สน.คันนายาวจำกัด อากาศร้อน และมีหญ้า อาหารของควายทองคำน้อยไม่อุดมสมบูรณ์  นอกจากนี้ ยังมีผู้ไม่ประสงค์ออกนามนำเงิน 1 แสนบาท มาให้กับ นายบุญเลิศเป็นค่าควายทองคำ ซึ่ง พ.ต.อ.สิงห์ ระบุว่า เงินจำนวนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเงินของกลางในคดี เพราะเงิน 1 แสนบาทที่นายสุรัตน์ได้จากประชาชน ตำรวจยังยึดไว้เป็นของกลางในคดี

พ.ต.อ.สิงห์ กล่าวว่า สำหรับสถานะของ “ควายทองคำ”  ยังคงเป็นของกลางในคดีอาญา แต่ไม่ใช่ควายของนายบุญเลิศแล้ว โดยในส่วนของคดีความ เจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวนตามขั้นตอน และจะพิจารณาเรื่องการขอถอนข้อหา “เรี่ยไรเงิน” ต่อไป พร้อมให้นายสุรัตน์ ทำแผนประกอบคำรับสารภาพด้วยการถ่ายรูปกับควายทองคำเพื่อใช้ประกอบในการทำสำนวนคดี

นายสุรัตน์ ระบุว่า เมื่อควายทองคำถูกนำตัวจาก จ.ชัยนาท เข้ามาที่กรุงเทพฯ เพราะตกเป็นของกลางในคดี ตนรู้สึกเป็นห่วงความเป็นอยู่ของควายทองคำ โดยเฉพาะเรื่องแมลงที่จะทำให้ควายทองคำเกิดบาดแผล ทั้งนี้ นายสุรัตน์ได้นำผ้าขาวม้าผูกที่คอของควายทองคำเพื่อเป็นการรับขวัญ พร้อมนำข้าวที่เพิ่งเกี่ยวจากนามาฝากควายทองคำ ก่อนนำขึ้นรถกระบะที่เตรียมมาเดินทางกลับ จ.ชัยนาทด้วยกัน