เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

จากกรณีเมื่อวันที่ 10 พ.ย. กองสลากฯออกมายืนยันมาตรการแก้สลากแพงได้ผล ไม่เจอขายเกินราคา 80 บาท พร้อมเร่งเคาะกฎหมายเอาผิดพ่อค้าคนกลางโก่งราคารวมชุด ปัดข้อเสนอให้ยุติจำหน่ายชั่วคราว ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 พ.ย. ผู้สื่อข่าวใน จ.ขอนแก่น ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าแผงขายล็อตเตอรี่ 10 ร้าน จำหน่ายล็อตเตอรี่ใบละ 80 บาท ซึ่งขายหมดเกลี้ยง เหลือล็อตเตอรี่ชุดหรือหวยชุด 2, 3 และ 5 ใบที่ยังเหลือเต็มแผง โดย 2 ใบ ขายราคา 200 บาท 3 ใบ ขายราคา 300 บาท และ 5 ใบ ขายราคา 500 บาท แต่ถ้าเป็นเลขดังเลขเด็ดที่หายากลูกค้าต้องการเป็นจำนวนมาก ก็จะขายอยู่ที่ราคาใบละ 150 บาทขาดตัว

ส่วนบรรดาผู้เดินเร่ขายล็อตเตอรี่ก็บ่นเป็นเสียงเดียวกันว่างวดนี้ขายไม่ดี ปกติขายใบละ 100 บาท ถ้าเป็นหวยชุดก็ขายใบละ 110-150 บาท เพราะจะขายใบละ 80 บาทก็ไม่ได้ เนื่องจากรับมาใบละ 82 บาทแล้ว จึงจำเป็นต้องขายใบละ 100 บาทขึ้นไป

ด้าน นายอุดม (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 64 ปี พ่อค้าเร่ขายลอตเตอรี่ในเขต อ.เมืองขอนแก่น เปิดเผยว่า หลังรัฐบาลกำหนดให้ขายสลากฯได้ในราคาไม่เกิน 80 บาท กลุ่มผู้ค้าสลากฯส่วนใหญ่ที่ทำเป็นอาชีพ ได้รับมาจำหน่ายในราคาฉบับละ 70.40 บาท และได้โควตาเพียงคนละ 5 เล่มเท่านั้น เมื่อถึงเวลาไปจองซื้อที่ธนาคารก็ไม่สามารถไปซื้อได้ เพราะยี่ปั๊วรายใหญ่มาจาก อ.วังสะพุง จ.เลย จึงต้องให้ลูกน้องมาเข้าคิวรอซื้อทุกธนาคารยี่ป๊วบางรายมาตั้งโต๊ะขอซื้อใบละ 82 บาท กับผู้ค้าสลากฯที่จองซื้อกับธนาคารได้ตามโควตาเพียงคนละ5 เล่ม และยี่ปั๊วรายนั้นก็เอาไปจัดเป็นเลขชุดขายใบละ 100 บาทขึ้นไป

ขณะที่แม่ค้าขายล็อตเตอรี่ที่มีแผงวางขายในเขตเทศบาลนครขอนแก่นรายหนึ่ง กล่าวว่า ล็อตเตอรี่ที่ได้มาตามโควต้า 5 เล่ม ได้นำมาจำหน่ายในราคาใบ 80 บาทหมดไปเมื่อ 2- 3 วัน ที่ผ่านมาส่วนลอตเตอรี่ที่มีวางขายอยู่ในแผงหน้าร้านจำนวนมากได้ซื้อมาจากยี่ปั๊วใน อ.วังสะพุง จ.เลย ใบละ 85 บาท และที่มาจากยี่ปั๊วใน กทม.ใบละ 85 – 90 บาท เพื่อนำมาวางขายในร้านที่ตั้งอยู่ใน จ.ขอนแก่น โดยขายเป็นชุดๆละ 2 ใบ ราคา 180 – 200 บาท บางชุดมี 3 ใบ ชุดละ 270-300 บาท เหตุผลไม่สามารถขายใบละ 80 บาทได้เพราะซื้อมาแพง จึงขายเอากำไรเล็กน้อยและให้ร้านขายลอตเตอรี่ของตนอยู่รอดในแต่ละงวดปัจจุบันการขายลอตเตอรี่ลำบากมากเพราะไม่มีคนซื้อขายแพงกว่าเดิมก็ต้องระวังตัวเพราะจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับ ขายราคาใบละ 80บาทก็ขาดทุน

ที่มา – เดลินิวส์