จากกรณีกลุ่มราษฎร จัดกิจกรรม ‘นับหนึ่งถึงล้าน คืนอำนาจให้ประชาชน’ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 15.00 น. เพื่อเรียกร้องให้มีการปล่อยตัว 4 แกนนำนั้น
ได้มีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งการรื้อกระถางต้นไม้เพื่อเป็นการแสดงสัญญลักษณ์คืนประชาธิปไตยให้ประชาชน นำผ้าแดงคลุมรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนแกนนำได้ประกาศให้ยุติการชุมนุม
ก่อนจะเคลื่อนขบวนไปยังบริเวณศาลหลักเมือง หลังแกนนำประกาศยุติการชุมนุม มีผู้ชุมนุมบางส่วนที่ยังไม่เห็นด้วยกับการยุติการชุมนุมอยู่สังเกตุการณ์บริเวณแนวตำรวจ จนต่อมาเกิดการปะทะกับตำรวจชุดควบคุมฝูงชน มีการขว้างปาสิ่งของ และมีเสียงดังคล้ายพลุกิดขึ้นเป็นระยะหลายครั้ง จนเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 13 ต.ค.64 ตำรวจเข้าสลายการชุมนุมและจับกุมผู้ชุมนุมบางส่วนนั้น
ต่อมามีภาพจากสำนักข่าวรอยเตอร์สและโซเชียลเน็ตเวิร์กเผยแพร่ภาพชายคนหนึ่งส่วมเสื้อกักสีเขียว ภายหลังทราบว่าเป็นเสื้อกักของหน่วยแพทย์อาสา “DNA หน่วยบุคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัคร” เป็นหน่วยพยาบาลสนับสนุนผู้ชุมนุม นอนอยู่กับพื้นระหว่างวงล้อมของตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.)
ชมรมแพทย์ชนบทออกแถลงการณ์ถึงกรณีนี้ โดยระบุว่า การปฏิบัติการช่วยเหลือ ปฐมพยาบาล รักษา รวมถึงการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บได้รับความคุ้มครองตามอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 2 ปี 1960 การรุมทำร้ายอาสาสมัครที่เข้ามาปฏับัติดังกล่าวโดยไม่เลือกปฏิบัติว่าผู้บาดเจ็บเป็นฝ่ายใด ถือเป็นการละเมิดกติการะหว่างประเทศ และเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ชมรมแพทย์ชนบท ในฐานที่เป็นหนึ่งในภาคีบุคลากรทางสุขภาพของประเทศไทย ขอประณามการกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจในคืนวันที่ 13 ก.พ. กรณีแพทย์อาสาที่เข้าดูแลผู้ชุมนุมกลุ่มคณะราษฎรได้ถูกทำร้ายโดยเจ้าหน้าที่จนบาดเจ็บและขอเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้กระทำผิดโดยไม่เลือกปฏิบัติ
ทั้งนี้ชมรมแพทย์ชนบทไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรง หรือการยั่วยุให้มีการใช้ความรุนแรงในพื้นที่การชุมนุม ไม่ว่าการกระทำนั้นมาจากฝ่ายใด