เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

สาวน้อยช่วยแม่ หาเช้า-กินค่ำ พ่อเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง  จุดประกายให้ให้ตนเองมุมานะเรียนจนสอบติดแพทย์มหิดล  เพื่อจะได้ช่วยรักษาคนป่วยให้มีโอกาสรอดชีวิต

เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 64 ที่ผ่านมา ทางทีมข่าวได้รับงานงานว่ามี นร.หญิงชื่อ น.ส.กัลยา ตันเองฉ้วน หรือ น้องแนน อายุ 18 ปี เป็นนักเรียนที่มีความขยัน เรียนดี และอดทนต่อสู้ช่วยแม่หาเงินเพื่อแบ่งเบาภาระายในบ้าน จบการศึกษาจากโรงเรียนสภาราชินีตรัง สามารถสอบติดคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ตามโครงการผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบท ศูนย์รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ที่เพิ่งประกาศผลเมื่อวันที่ 10 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยน้องแนนเผยว่า พ่อป่วยเสียชีวิตด้วยมะเร็ง กลายเป็นแรงบันดาลใจจุดประกายให้ลูกสาวมุมานะเรียนจนสอบติดแพทย์ชนบท โควตาม.มหิดล ดิ้นรนกู้เงิน กยศ. และตั้งใจสอบชิงทุนเพื่อสานฝันตัวเอง ขณะที่ครอบครัวค่อนข้างขัดสน แม่รับจ้างรีดผ้า และเป็นแม่ค้า ช่วงนี้ออกขายไม่ได้ รายได้ไม่พอกับรายจ่าย  ที่บ้านเช่าหลังเล็ก มี 1 ห้องนอน ตั้งอยู่เลขที่ 148/32 ถนนกันตัง ต.บางรัก อ.เมืองตรัง จ.ตรัง

ข่าวที่เพิ่มเติม

น.ส.กัลยา หรือน้องแนน เล่าว่า ตนเข้าสมัครโครงการผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบท จากมหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อเดือน มี.ค. และประกาศผลเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมาว่าติดแพทย์ และจะเปิดเทอมในวันที่ 9 ส.ค. แต่ตนก็มีเรื่องเครียดในส่วนเงินค่าใช้จ่ายในการเรียน จากที่ดูมาจะต้องจ่ายค่าเทอมก่อนเข้าเรียน 30,000 บาท ไม่รวมค่าหอพัก ซึ่งยังไม่มีแต่ก็ตั้งใจที่จะกู้เงิน กยศ.และสอบชิงทุนต่าง ๆ ก่อนสอบนั้นตนได้ตั้งใจอ่านหนังสือเอง และได้สมัครขอทุนจากสถาบันแห่งหนึ่งเพื่อเรียนพิเศษเพิ่มเติมก็ได้เรียนพิเศษและติวฟรี สาเหตุที่ทำให้ตนตัดสินใจเรียนแพทย์นั้นเป็นช่วงที่พ่อเริ่มป่วย ตนได้คุยกับหมอ ซึ่งในระหว่างทำการรักษา หมอได้บอกอาการป่วยของพ่อ ด้วยความที่ไม่เข้าใจตนจึงหาข้อมูลดูในกูเกิล จึงมีความรู้สึกอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับโรคมากกว่านี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่อยากเป็นหมอ เพื่อตั้งใจที่จะช่วยเหลือคนอื่น ๆ อยากให้เขามีโอกาสได้มีชีวิตต่อไป

และยังเล่าอีกว่า ส่วนผู้เป็นพ่อคือนายยงยุทธ ตันเองฉ้วน ได้เสียชีวิตลงไปด้วยโรคมะเร็งตับ เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ในวัย 50 ปี ซึ่งจากสาเหตุดังกล่าว ทำให้น้องแนนที่มีความขยัน ประกอบกับการตั้งใจเรียนมาโดยตลอดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว กลับกลายมีความฝันอยากจะเป็นแพทย์เพื่อช่วยเหลือคนอื่น เนื่องจากการสูญเสียผู้เป็นพ่อไป เป็นความสูญเสียครั้งสำคัญในชีวิตที่ทำให้โศกเศร้าเสียใจจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบัน น.ส.มลิวรรณ ผู้เป็นแม่ เป็นเสาหลักของบ้านมีอาชีพรับจ้างซักอบรีดผ้า และเป็นแม่ค้าขายผลไม้ แต่ด้วยสภาวะโควิด-19 ทำให้มีรายได้ลดลง จากรายได้เดือนละ 20,000 บาท เหลือเพียงเดือนละ 10,000 กว่าบาท ที่จะต้องนำมาใช้จ่ายภายในครอบครัวทั้งหมด ทั้งค่าเช่าบ้านเดือนละ 1,800 บาท ค่าผ่อนรถยนต์กระบะที่ใช้สำหรับขายผลไม้เดือนละ 6,000 บาท ส่วนที่คงเหลือเป็นเงินที่ใช้สำหรับการกินอยู่ในครอบครัว

ส่วนทางด้าน น.ส.มลิวรรณ หรือแม่นา กล่าวว่า หลังจากที่ทราบว่าลูกติดแพทย์ตนก็รู้สึกดีใจ แต่ก็กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเพราะทางบ้านก็ลำบาก รายได้ลดลงเนื่องจากช่วงโควิดจากปกติได้รับรายได้เดือนละ 20,000 กว่าบาท แต่ตอนนี้ได้รับรายได้เพียงแค่เดือนละ 10,000 กว่าบาท แต่ก็จะหาทางให้ลูกมีเงินเรียนหมอต่อโดยจะขอจากพี่ๆต่างบิดา เพื่อให้ช่วยเหลือน้อง และน้องแนนเองก็ตั้งใจจะกู้เงิน กยศ. ด้วย ก็มีความหวังว่าลูกต้องเรียนจบหมอ เพราะลูกมีความตั้งใจ ตั้งแต่เรียนชั้น ป.1- ป.6 ก็เรียนได้ที่ 1 ของห้องตลอด และเชื่อว่าจะต้องมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือน้องในการประสานงานเรื่องขอทุนในการศึกษา โดยหากใครจะติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 090-261-8873 ( น.ส.มลิวรรณ ไพริน)  และสุดท้ายแม่น้องแนน ยังบอกอีกว่าจะยืนหยัดสู้เพื่อลูกได้เรียนทุกวิถีทาง.