เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เมื่อเวลา 13.30 น. ในวันที่ 14 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังศาล จ.ขอนแก่น มีคำพิพากษาคดีร่วมกันก่อเหตุฆาตกรรม น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย หรือน้องแอ๋ม

โดยมีคำสั่ง จำคุกจำเลยที่ 1 น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือเปรี้ยว และ จำเลยที่ 2 น.ส.กวิตา ราชดา หรือเอิน คนละ 34 ปี 6 เดือน ,จำเลยที่ 3 น.ส.จิดารัตน์ พรมคุณ หรือเบนท์ จำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา, จำเลยที่ 4 นายวศิน นามพรม จำคุก 23 ปี 4 เดือน 20 วัน และ จำเลยที่ 5 น.ส.อภิวันทน์ สัตยบัณฑิต หรือแจ้ จำคุก 33 ปี 9 เดือน รวมทั้งการชดใช้ค่าเสียหายให้กับครอบครัวของน้องแอ๋ม รวม 1,170,000 บาท แยกเป็นค่าปลงศพ 100,000 บาท และค่าอุปการะเลี้ยงดู 1,070,000 บาท โดยคิดเป็นอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 ต่อปี ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค.2560 ซึ่งเป็นวันก่อเหตุฆาตกรรมน้องแอ๋ม

 

 

ล่าสุดนายอมรพงศ์ จันทร์กวี ทนายความส่วนตัวของ น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือ เปรี้ยว และ น.ส.กวิตา ราชดา หรือ เอิร์น ได้เดินทางเข้าพบเพื่อสอบถามเรื่องการขออุทธรณ์โทษ พร้อมกล่าวว่า จากการพูดคุย เปรี้ยวได้ยืนยันว่าไม่ขออุธรณ์โทษที่ศาลพิพากษาแล้ว ขอยอมรับชดใช้กับสิ่งที่ทำลงไป ซึ่งทางครอบครัวเปรี้ยวก็มีความเห็นตรงกัน โดยเปรี้ยว บอกว่าหลังจากฟังคำพิพากษาแล้วก็นอนไม่หลับ ตอนนี้เปรี้ยวกังวลใจเรื่องจะต้องโดนย้ายไปคุมขังที่เรือนจำคลองไผ่ เพราะหากต้องย้ายไปจริงก็ต้องปรับตัวใหม่ และสิ่งที่เปรี้ยวตกใจคือ เห็นชื่อตัวเองปรากฎบนกระดานในเรือนจำที่ระบุอัตราสูงสุด แต่ก็มองว่าหากยื่นอุทธรณ์อย่างไรไปนั้นโทษก็คือยังคงต้องจำคุก

จำเลยที่ 2 น.ส.เอิน ซึ่งศาลตัดสินจำคุกเท่ากันกับ น.ส.เปรี้ยว เจ้าตัวขอใช้สิทธิ์อุทธรณ์ เพราะไม่มีเจตนาให้แอ๋มถึงแก่ความตาย เพราะคนที่มีเรื่องกันคือเปรี้ยวกับแอ๋ม โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการตกกระไดพลอยโจรไม่ได้มีเจตนาฆ่าแต่อย่างใด แค่เป็นการทำร้ายร่วมกับเพื่อน จึงมองว่าโทษที่ได้รับสูงเกินไป

นายอมรพงศ์ กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของจำเลยคนอื่นนั้น ทราบว่าทุกคนจะขอใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วันตามระเบียบ จะมีเพียงจำเลยที่ 1 คือ น.ส.เปรี้ยว คนเดียวที่ไม่ขอใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งการยื่นอุทธรณ์ขณะนี้ยังไม่สามารถขอคัดคำพิพากษาได้ เพราะอยู่ในระหว่างการตรวจสอบของทางศาลให้ละเอียดครบถ้วนทุกตัวอักษร เมื่อทำการตรวจสอบเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ก็จะขอยื่นอุทธรณ์ทันที

 

 

 

 

ขณะที่นายนพดล สีดาทัน ทนายความของครอบครัวน้องแอ๋ม กล่าวว่า ยังยืนยันในการใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ เนื่องจากครอบครัวเห็นว่า การกระทำของคนที่ฆ่าน้องแอ๋มนั้นไม่ได้พลั้งมือ แต่เป็นความตั้งใจละมีการวางแผนมาอย่างดี มีการหลอกล่อน้องแอ๋มออกมา และถ้าไม่มีการวางแผนหรือคิดร้ายกับน้องแอ๋ม ทำไมถึงต้องหลบซ่อนตัว จึงได้ยื่นฟ้องในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ, ร่วมกันลักทรัพย์ของผู้อื่น, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว ทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และข้อหาร่วมกันพกพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร มีเพียง น.ส.เบนท์ ถูกตั้งข้อหารับของโจร เพียงข้อหาเดียว

“นอกจากนี้เพิ่งทราบว่า น้องแอ๋มถูกกล่าวหาว่า ด่าบุพการีของฝ่ายจำเลยที่ 1 ว่าเป็นโสเภณี ทำให้จำเลยที่ 1 โกรธ จึงมีการต่อสู้กันในรถยนต์ จนน้องแอ๋มก็เสียชีวิต และมีการหั่นศพในเวลาต่อมา ซึ่งคำพูดที่ยกมากล่าวอ้าง ใครๆก็พูดได้ เพราะน้องแอ๋มตายไปแล้วไม่มีโอกาสมานั่งแก้ตัว และคำพูดนี้มีผลต่อการตัดสินในคดีอาญาที่ลงโทษจำเลยน้อยกว่าโทษจำคุกตลอดชีวิต จึงมีการปรึกษากันและจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าวภายใน 30 วัน เพราะที่ผ่านมาได้ยื่นฟ้องในมาตรา 289 ตามประมวลกฎหมายอาญา ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง ไว้ก่อน แต่ศาลพิจารณาโทษตามมาตรา 288 ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ซึ่งครอบครัวยืนยันจะขอยื่นอุทธรณ์ทันทีหลังคัดคำสั่งศาลแล้วเสร็จ”