เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันที่ 18 ตุลาคม 2566 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้มีการพิจารณาญัตติเรื่อง ขอให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาแนวทางการจัดการศึกษาสำหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย หรือ “เด็กรหัส G” ซึ่งมีการเสนอญัตติและอภิปรายต่อเนื่องมาจากการประชุมครั้งก่อน

ในที่ประชุมวันนี้มี สส.พรรคก้าวไกลหลายคนร่วมอภิปรายสนับสนุนญัตติดังกล่าว เช่น นายเลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล สส.บัญชีรายชื่อสัดส่วนเครือข่ายชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง ระบุว่า ปัจจุบันมีเด็กไร้สัญชาติที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร และไม่มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาในระบบรวมกันกว่า 2 แสนคน เนื่องจากในประเทศเพื่อนบ้านยังคงมีสงครามและมีปัญหาทางเศรษฐกิจ ทำให้คนส่วนหนึ่งจำเป็นต้องเข้ามาแสวงหาโอกาสเป็นแรงงานข้ามชาติในประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มคนที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทย

ดังนั้น สังคมไทยจึงต้องเปิดใจโอบรับพี่น้องแรงงานข้ามชาติ โดยมองพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของสังคม และให้การศึกษาที่มีคุณภาพแก่ลูกหลานของพวกเขา ในอนาคตคนกลุ่มนี้จะเป็นคนทำงานที่มีฝีมือ เป็นผู้บริโภค และเป็นผู้เสียภาษี ย้อนกลับมาเป็นประโยชน์ต่อประเทศทั้งสิ้น

การจัดการศึกษาให้กลุ่มคนเหล่านี้จึงไม่ได้เป็นภาระของสังคมไทย การใช้งบประมาณ 300-500 ล้านบาทต่อปี ไม่เกินศักยภาพที่รัฐบาลไทยจะทำได้ และถ้าหากรัฐบาลไทยมีระบบการบริหารจัดการที่ดี ก็มีโอกาสขอรับเงินช่วยเหลือจากองค์กรด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศได้ด้วย

ขณะที่ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้เป็นผู้สรุปญัตติหลังจบการอภิปราย โดยระบุว่า เด็กทุกคนในประเทศนี้มีความคาดหวังว่าสภาแห่งนี้จะตั้งกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณาไม่ให้มีเด็กคนใดตกหล่นไปจากระบบการศึกษาของประเทศนี้อีก ทุกคนน่าจะเคยอ่านหนังสือเรื่อง “เจ้าชายน้อย” มาก่อน ประโยคสำคัญของเรื่องบอกไว้ว่า เวลาเราจะคิดหรือทำอะไรในเรื่องของเด็ก ท่านจะใช้สายตาหรือใช้หัวใจในการมอง

การลงมติในญัตตินี้จึงสำคัญมาก ท่านจะตัดสินโดยใช้สายตาที่แต่ละคนสั้นหรือยาวไม่เท่ากัน มีกรอบวิธีคิดที่แตกต่างกัน หรือจะใช้หัวใจในการตัดสินใจว่าทุกคนที่เป็นเด็กในประเทศนี้คือลูกหลานของเรา

จากสถิติเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2566 มีเด็กที่ไร้ทะเบียนราษฎรหรือไร้สัญชาติไทยอยู่ในโรงเรียนกว่า 3 แสนคน แต่ได้รับการยืนยันว่ามีตัวตนเพียง 1.1 แสนคน ส่วนอีกเกือบ 2 แสนคนไม่มีการลงรหัสยืนยันตัวตน นอกจากนี้ ประเด็นเด็กไร้สัญชาติไม่ได้เกี่ยวข้องเฉพาะเรื่องการศึกษาเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวพันกับการลงรายการสถานะบุคคลของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งปัจจุบันมีเด็กไร้สัญชาติที่ได้รับการลงเลข 13 หลักเพียง 8.9 หมื่นคน ตกหล่นและอยู่ระหว่างการสอบประวัติอีกกว่า 4 หมื่นคน เรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการแล้ว และไม่อยู่ในขอบเขตที่กรรมาธิการคณะใดคณะหนึ่งจะทำการศึกษาได้

ที่สำคัญกว่านั้น ประเทศไทยกำลังจะถูกตั้งคำถามอย่างรุนแรงจากนานาอารยประเทศในที่ประชุมคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติปลายปีนี้ รวมถึงคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กรณีการพยายามส่งตัวเด็กไร้สัญชาติ 126 คนกลับไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ในประเด็นนี้ คณะกรรมาธิการการศึกษาเพียงคณะเดียวจะสามารถตอบคำถามนี้ได้หรือไม่

ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมา เพราะเรื่องนี้ครอบคลุมใน 4 มิติ ทั้งด้านการศึกษา สุขภาพ แรงงาน และสิทธิความเป็นพลเมืองหรือความเป็นมนุษย์ ซึ่งนายณัฐวุฒิย้ำว่าเวลาพูดถึงสิทธิเด็ก เด็กพูดด้วยตัวเองไม่ได้ สภาแห่งนี้จึงต้องเป็นศูนย์กลางในการยืนยันเรื่องนี้

“เรากำลังพูดถึงเด็กหลายแสนคนในประเทศไทยที่ไม่มีแม้แต่โอกาสในการเดินเข้าโรงเรียน ผมอยากวิงวอนเชิญชวนให้ทุกท่านอ่านเจ้าชายน้อย และใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจอย่างเป็นอิสระ กล้าที่จะใช้หัวใจของท่านในการลงมติแทนการใช้สายตาแต่เพียงอย่างเดียว ไม่มีเหตุผลอื่นใดที่จะส่งให้คณะกรรมาธิการคณะใดคณะหนึ่งไปดำเนินการ พรรคก้าวไกลขอยืนยันให้สภาแห่งนี้ลงมติสนับสนุนการจัดตั้งกรรมาธิการวิสามัญ ไม่ใช่เพื่อพรรคก้าวไกล เพื่อฝ่ายค้าน หรือสภาแห่งนี้ แต่เพื่อเด็กๆ ทุกคนในประเทศนี้” นายณัฐวุฒิกล่าว

อย่างไรก็ตาม ในช่วงก่อนการลงมติ วิปรัฐบาลได้ประสานมายังพรรคก้าวไกลว่าจะลงมติไม่เห็นชอบกับการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญดังกล่าว โดยมองว่าประเด็นนี้สามารถมอบให้คณะกรรมาธิการการศึกษาไปพิจารณาเพียงคณะเดียวได้ ทำให้ผลการลงมติออกมาที่เห็นด้วย 164 เสียง และไม่เห็นด้วย 245 เสียง การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อแก้ไขปัญหาข้างต้นจึงไม่เกิดขึ้น โดยคณะกรรมาธิการการศึกษาจะรับไปดำเนินการต่อ และใช้กรอบเวลา 90 วันในการดำเนินการให้แล้วเสร็จ

ข่าวที่น่าสนใจ

แรงงานชุดที่ 7-8 ถึงไทยแล้ว รายงานล่าสุดแจ้งขอกลับไทย 8.1 พันคน เสียชีวิต 30 ถูกจับเป็นตัวประกัน 17

สถานทูตเร่งเตือนคนไทย ระวังเหตุก่อการร้ายใน “เบลเยียม-ลักเซมเบิร์ก” หลังแฟนบอลถูกยิง 2 ศพ

หากมีปัญหา นอนเท่าไรก็ไม่พอ อ่อนเพลียทั้งวัน อ้วน มีน้ำในท้องเยอะ ซึ่งเป็นอาการเริ่มต้นของไขมันพอกตับ
ขอเแนะนำอาหารเสริมบำรุงตับฮอกเก๊ตไธโอน ที่ประกอบด้วยสมุนไพรหลักคือ ฮอกเก๊ตนามูจากเกาหลี ช่วยบำรุงตับ อายุ35ปีขึ้นไป ต้องทานวันละ1เม็ด เพื่อล้างสารพิษในตับ เพราะตับรับสารพิษทุกวัน โดยเฉพาะสายดื่ม

กดลิ้งค์รับข้อมูล อาหารเสริมบำรุงตับ เพิ่มเติ่มได้ที่ Link ด้านล่าง

https://www.tvpoolreward.com/salepageheokkaetioneoffice/contactpage

ขอแนะนำ
ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับเคาน์เตอร์แบรนด์ชั้นสูงสุด
โฟมล้างหน้า24พลัส หรือโฟมลดสิว มาสต์ทิ้งไว้30วิ
แล้วล้างออก เติมเซรั่ม24พลัส ลบรอยเหี่ยวย่น
หลังจากนั้นทาครีมกันแดด24พลัส ที่กันแดดและPM2.5 บำรุงและป้องกันการเกิดสิว

กดลิ้งค์รับข้อมูล โฟมเซรั่ม และครีมกันแดดและเซรั่มเข็มข้นเพิ่มเติ่มได้ที่ Link ด้านล่าง

https://24plusthailand.com/