ลอนดอน – สโตนเฮนจ์ กลุ่มหินโบราณที่มีอายุราว 5,000 ปี บนที่ราบซอลส์บรี ทางตอนใต้ของอังกฤษ ซึ่งเป็นหนึ่งในมรดกโลกที่องค์การยูเนสโกขึ้นทะเบียนในปี 1986 ล่าสุด งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน ได้เผยความลับเบื้องหลังการสร้างและจุดประสงค์ของอนุสรณ์สถานอันโด่งดังนี้
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Archaeology International ระบุว่า สโตนเฮนจ์ถูกสร้างขึ้นในยุคหินใหม่ระหว่าง 2620–2480 ปีก่อนคริสตกาล โดยมีการขนย้ายก้อนหินหนักถึง 6 ตันจากสกอตแลนด์กว่า 700 กิโลเมตรมายังที่ตั้งปัจจุบัน การขนย้ายดังกล่าวใช้คนจำนวนมากและเวลานานถึง 8 เดือน
ความสำคัญและจุดประสงค์
นักวิจัยพบว่า สโตนเฮนจ์ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งก่อสร้างทางกายภาพ แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการรวมตัวของผู้คนในยุคนั้น การจัดวางหินอย่างเป็นระบบสะท้อนถึงการรวมพลังของชุมชนในอังกฤษโบราณ รวมถึงความสัมพันธ์กับบรรพบุรุษและจักรวาล
“สโตนเฮนจ์ไม่ใช่แค่สถานที่ แต่เป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีที่ผู้คนจากทั่วอังกฤษเดินทางมาเพื่อร่วมเฉลิมฉลองและรวมจิตวิญญาณเข้าด้วยกัน” ศาสตราจารย์ไมค์ ปาร์กเกอร์ เพียร์สัน ผู้เขียนรายงานกล่าว
การใช้งานหลากหลาย
นอกจากจะเป็นอนุสรณ์สถานแห่งการรวมตัว สโตนเฮนจ์ยังอาจถูกใช้เพื่อพิธีกรรมทางศาสนา การคำนวณปฏิทินสุริยคติ หรือแม้กระทั่งเป็นหอดูดาวในยุคโบราณ งานวิจัยยังเผยว่ามนุษย์ยุคนั้นมักรวมตัวกันที่บริเวณนี้ในฤดูหนาว พร้อมทั้งนำฝูงสัตว์มาร่วมงานเลี้ยง
ความเชื่อมโยงกับอดีต
หลักฐานใหม่ยังชี้ว่าสโตนเฮนจ์ที่เราเห็นในปัจจุบันอาจไม่ใช่แห่งแรก แต่เป็นผลจากการเคลื่อนย้ายหินจากวงหินในสกอตแลนด์ ซึ่งสะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนโบราณในสองภูมิภาคที่อยู่ห่างไกล
ด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและความซับซ้อนทางวัฒนธรรม สโตนเฮนจ์จึงยังคงเป็นหนึ่งในปริศนาทางประวัติศาสตร์ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับนักวิจัยและผู้มาเยือนจากทั่วโลกอย่างไม่เสื่อมคลาย.
ข่าวอื่นๆที่น่าสนใจ
เพจดังซัด เด็กโดนไฟประดับในห้างชอร์ต แต่ผู้จัดการห้างพูดได้แย่มาก
นักเรียนโหนกระแส กระหน่ำคอมเมนต์ วอน “แม่ของแนน” ฟังคนอื่นพูดให้จบก่อนได้ไหม..?