“อนุทิน” เคลียร์ชัด! พร้อมเป็นนายกฯ ถ้าชาติเรียกหา ไม่ใช่เพื่ออำนาจ แต่เพื่อประชาชน ลั่นแรงตอบ “ช่อ พรรณิการ์” ปมยิงนัดเดียวได้นกสามตัว ไม่รู้จักกันจริง อย่าคิดแทน!
ข่าวที่น่าสนใจ
-
ชาวบ้านรวมตัวประท้วง! อดีตผู้ใหญ่บ้านยักยอกเงินออมกว่า 5 ล้านบาท สัญญาคืนเงินจะทยอยจ่าย แต่ชาวบ้านยังคาใจ
-
จากจีนถึงไทยแล้ว “พระเขี้ยวแก้ว” เตรียมเปิดให้สักการะ 5 ธ.ค. 67 – 14 ก.พ. 68..?
เมื่อการเมืองไทยยังเต็มไปด้วยการต่อรอง การข้ามขั้ว และกระแสข่าวลือเรื่อง “นายกฯ คนใหม่” สปอตไลต์ก็กลับมาจับจ้องที่หนึ่งในตัวเต็ง แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอย่าง คุณอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โดยในวันนี้ เจ้าตัวได้มาเปิดใจแบบหมดเปลือก บนเก้าอี้ รายการ คนดังนั่งเคลียร์ ทางช่อง 8 ในเครือ อาร์เอส กรุ๊ป ตอบทุกข้อสงสัย ตั้งแต่ปมถอนตัวจากรัฐบาล ไปจนถึงคำถามแรงจากคุณช่อ พรรณิการ์ ที่เคยมาในรายการเมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา กับประโยคที่ว่า “หวังยิงนัดเดียว ได้นกสามตัว” พร้อมเฉลยแบบไม่อ้อมค้อมว่าอยากเป็นนายกฯ จริงหรือไม่ และหากเกิดสถานการณ์ที่ “นายกฯ ลาออก” ขึ้นจริง สามารถแบกรับภาระในการนำพารัฐบาลผ่านวิกฤตครั้งนี้หรือไม่
(ดูเทปคุณช่อ พรรณิการ์ย้อนหลัง เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 68) ยิงทีเดียวได้นก 3 ตัวไหมคะ?
ผมคิดว่าสิ่งที่คุณช่อได้พูดไปเมื่อสักครู่ ผิดทั้ง 3 เรื่อง ก็ไม่แปลก เพราะเขาไม่ใช่ผม แล้วก็ความสนิทสนมก็ไม่มี รู้จักกันเพราะว่าจากสื่อ และเห็นหน้าเห็นตากันสมัยที่เขาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตอนยังไม่ถูกตัดสิทธิ์นะครับ ผมคิดว่าคุณช่อ คงไม่ได้ติดตามในสิ่งที่ผมพูด เอาเรื่องของการเป็นนายกฯเลย ผมถอนตัวมาตรงนี้ ผมว่า ใครที่จะถอนตัวจากรัฐบาลมา เพื่อบอก โอเคถอนตัวมา เพื่อจะเป็นนายกฯเลย มันคงไม่ใช่ ผมก็พูดชัดเจนแล้วว่า ถ้าผมจะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ สิ่งที่ผมต้องการมากที่สุด คือการมาจากการเลือกตั้ง แล้วก็มาจากนโยบาย ที่ผมหรือพรรคของผม ได้นำเสนอให้พี่น้องประชาชนนะครับ
แล้วถ้าจะเป็นนายกฯ ผมก็พูดไปขั้นนึงก็คือ ผมก็จะต้องเป็นพรรคที่มีเสียงมากที่สุด ในขั้วที่จะเป็นรัฐบาล เหมือนพรรคเพื่อไทยตอนนี้นะครับ เพราะว่าในการเมืองทุกวันนี้ ใน 2 ครั้งที่ผ่านมา การฟอร์มรัฐบาลที่ผ่านมา ตั้งแต่รัฐบาล พลเอกประยุทธ์ ถ้าคุณแม่จำได้ ถ้าไม่มี 51 เสียงของพรรคภูมิใจไทย ตอนนั้น ก็ยังจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้
เอากันจริงๆ ทุบโต๊ะกันจริงๆ ถ้าจัดตั้งรัฐบาลกันจริงๆ มีอะไรบังคับไหม ถ้าผมบอกว่า ผมต้องเป็นนายกฯ ทุกคนก็บอกว่า อนุทินต้องเป็นนายกฯ แน่เลยอยู่ตรงเนี่ย เป็นพรรคตัดเชือก ผมไปถามพลเอกประวิตร ซึ่งเป็นผู้ที่ประสานงานในการฟ้องรัฐบาลในตอนนั้น ว่ามีสักคำไหม ที่บอกว่า ลุงป้อมครับ ผม เอานะ ขอเป็นสักครั้งนึงเถอะ จะได้มาเป็นรัฐบาล ลุงป้อมจะเอาอะไรก็ได้ ไม่มีเลย ผมรู้สถานะ และก็ความเหมาะสมดี และสำคัญที่สุดคือ ผมคิดถึงประเทศ คิดถึงประชาชน ผมเป็นนายกฯได้ แต่รัฐบาล ruling ได้ไหม ขอเบิ้ลได้ไหม ไม่มีทาง ประเทศชาติ และประชาชนก็จะเสียหาย
ไอ้ตัวพวกผมเสียหาย ช่างมันเถอะ แต่ว่าประเทศกับประชาชนเสียหายไม่ได้ พอมาครั้งที่ 2 ก่อนที่จะมีการข้ามฟาก ข้ามอะไรก็แล้วแต่ ตอนที่ตั้งรัฐบาล เพื่อไทย กับอีก 6-7พรรค ที่ท่านเศรษฐาเป็นนายกฯ ถ้าไม่มีพรรคภูมิใจไทยก็ตั้งไม่ได้ครับ ตอนนั้นนะ เขาถึงต้องเอาพรรคประชาธิปัตย์ อะไรเข้ามารวมเยอะๆ เพื่อให้ไม่มีพรรคใด พรรคนึงที่สามารถที่จะต่อรองอะไรได้ ซึ่งเราก็เห็นเกมนี้อยู่แล้ว แต่ตอนที่ตั้งนะครับ พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้เข้ามาร่วม พรรคภูมิใจไทยไม่เอา ก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้ และมีคำว่าขอเป็นนายกฯไหม ไม่มีนะครับ อย่างบอกขอดูกระทรวงเดิมด้วยซ้ำ ซึ่งทางพรรคเพื่อไทย ก็ตั้งกฎมาเองว่า ไม่ให้อยู่กระทรวงเดิม อยู่มา 4 ปีแล้ว ต้องเปลี่ยน ฯ มันก็เป็นการตกลงยินยอมของทั้ง 2 ฝ่าย เพราะฉะนั้นตรงนี้ เรื่องของการเป็นนายกฯ อย่างที่คุณช่อพูดว่า ผมจะหวังจะเป็น ต้องบอกไม่ใช่
ไม่ใช่ในสภาสมัยนี้แน่นอน ถ้าตีตามคำพูด?
สภาสมัยนี้มัน เหลืออีกปีกว่าเองครับ แล้วก็ถามว่าจะเป็นนายกฯ ตอนนี้ เสียงพอไหมละ มีพูดถูกนิดนึง เสียงก็ไม่พอใช่ไหม ในซีกฝ่ายค้านนะครับ แล้วถามว่าจะกลับไปเพื่อไทยได้อีกไหม ในสภาสมัยนี้มันจะไปได้ไง ดูดิ ออกมาขนาดนี้แล้ว แล้วข้อตกลงต่างๆก็ถูกเบรกไป คือ มันมีอยู่ 2 เหตุการณ์ มันดันเกิดขึ้นพอดี จริงๆเราก็บอกเขาแล้วตอนที่เขาจะเอากระทรวงมหาดไทยคืน เราก็บอกเรารับไม่ได้ ก็ถ้าเกิดจะเอาคืนจริง เราก็คงต้องถอนตัว แต่ถ้าถอนตัวแบบเงื่อนไขนั้น เราก็อาจจะลอยสัก 2-3 วัน 3-4 วัน แต่พอดีวันนั้น มันเกิดขึ้นกับวันที่คลิปหลุดพอดี ตรงที่คลิปหลุดมามันก็เลย เขาเรียกว่ามันเป็นตัวที่ทำให้เรา เอ่ออย่างนี้ ไม่ต้องรอแล้ว 2-3 วัน ถอนตัวเลยดีกว่า เพราะตรงนี้เราก็รับไม่ได้ ก็ตามแถลงการณ์ของพรรคภูมิใจไทยนะครับ
เพราะฉะนั้น มันไม่มีจุดไหนที่ เรารู้สึกว่า โอ้โฮ จะมาหวังยิงกระสุนนัดเดียวได้นก 3 ตัวนะครับ ไม่มี ฯลฯ
ตอนนี้คุณอนุทิน เป็นหนึ่งในแคนดิเดตแถวหน้าเลยที่สังคมคาดหมายว่า ถ้าเกิดมีอะไร นายกฯลาออก ต้องโหวตนายกฯใหม่ จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี คนใหม่หรือเปล่า คิดไหมคะ ว่าทำไมคนคิดแบบนั้น ทั้งๆ ที่ปฏิเสธอย่างที่อธิบายไป?
อย่างที่ผมบอกการที่ผมจะเป็นนายกฯหรือไม่นั้น ก็ต้องมาจากเสียงที่ผมมี ถ้าเสียงที่ผมมีแล้ว สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เป็นเสียงที่มากที่สุดในขั้วรัฐบาล อันนั้นเราพร้อมที่จะเป็นอยู่แล้ว ถ้าไม่พร้อมจะเป็นแคนดิเดตของพรรคได้อย่างไรถูกไหม เป็นแคนดิเดตคนเดียวด้วย แต่ในกรณีนี้นายกฯลาออก ผมว่านายกฯคนต่อไปไม่ใช่เฉพาะผมหรอก ใครก็ตามที่จะมาเป็นนายกฯ มันจะเป็นเข้ามาในลักษณะ ฉุกเฉิน ไม่ควรที่จะมาคิดบอกว่าจะมาบริหารประเทศในระยะยาว ให้มันจบเทอมอย่างไง ควรจะเข้ามาจัดการปัญหาปัจจุบันให้เรียบร้อย เพราะว่าถึงขั้นนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันต้องลาออก แสดงว่ามันต้องมีปัญหาเยอะไปหมดแล้วนะครับ มีประเด็นเรื่อง คลิป เรื่องสถานการณ์ชายแดน เรื่องงบประมาณ เรื่องความเชื่อมั่นศรัทธาของพี่น้องประชาชน ตรงนี้ แล้วถ้าสภาพมันจะต้องมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ตัวพรรคเพื่อไทยเองก็ยังมีแคนดิเดตอีกคนนึง ท่านชัยเกษม ฯลฯ เราพูดหลักตามกฎหมายก่อน แล้วถ้าขั้วรัฐบาลเดิมยังอยู่ เขาก็ตั้งเดิมของเขาไป ดังนั้นผมก็ไม่คิดเหมือนคุณช่อ เพราะมันยังมีตัวเลือกอยู่ในขั้วนั้น แต่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงขั้ว เกิดคนบอกว่า อย่างนี้พรรคร่วมรัฐบาลที่อยู่ ดูแล้ววิกฤตศรัทธาเกิดขึ้น อยู่ขั้วนี้ต่อไปไม่ได้แน่ สลับขั้วมา ก็มาดูขั้วนี้ พอมาดูขั้วนี้ มันดันตัวพรรคประชาชน พรรคคุณช่อ ที่คุณช่อเคยอยู่ ไม่มีตัวนายกฯ ก็ต้องมาดูว่ามีใครเหลือ แล้วรวบรวมเสียงได้หรือเปล่า เขาจะยอมหรือเปล่าใช่ไหมครับ ก็ค่อยว่ากันตรงนั้น
แต่ถ้ามันไปถึงจุดนั้นจริง แล้วมันดันมาที่ผมนะครับ ผมว่ามันก็คงต้องมีเงื่อนไข มันก็คงไม่ใช่นายกฯ ที่แบบเป็นนายกฯปกติ อยู่ครบเทอม โอ้เปลี่ยนข้างมา แล้วทำเป็นรัฐบาลใหม่แล้วกัน อยู่กันต่อไป คงไม่ได้แล้ว เพราะสถานการณ์มันคงย่ำแย่เกินทนแล้ว ก่อนที่จะไปถึงวิกฤตศรัทธามากกว่านี้ ก็คงจะต้องมีเงื่อนไขมีเทอม ทำอย่างนี้เสร็จปุ๊บ ต้องยุบสภานะ ซึ่งมันก็เคยเกิดขึ้นในสมัยท่านอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อ 30 ปีก่อน ฯ
ถ้าเงื่อนไขนี้รับไหมคะ?
ถ้าประเทศมันไปต่อได้ ใครๆก็ต้องรับครับ อย่างยิ่งตัวผม ถ้าเข้ามาแบบนี้ มันก็ขัดกับสิ่งที่ผมเคยพูด แต่ถ้าทำเพื่อให้มันจบ ฯ ภายในเงื่อนไขนี้ก็ต้องทำ