เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันนี้ (10 ส.ค. 68) นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา พร้อมคณะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจและมอบสิ่งของจำเป็นเพื่อส่งไปให้ทหารที่กำลังทำหน้าที่เพื่อชาติ ณ สโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 จ.นครราชสีมา โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 (ททภ.2) ให้การต้อนรับ นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนนำสิ่งของ เครื่องใช้ และเครื่องอุปโภคบริโภครวมถึงอากาศยานให้คนขับมามอบให้กับกองทัพภาคที่ 2 อีกด้วย โดยประธานรัฐสภากล่าวว่าในฐานะเป็นฝ่ายนิติบัญญัติพร้อมที่สนับสนุนกองทัพให้พัฒนาศักยภาพเพื่อไว้ป้องกันภัยคุกคามยุคใหม่อย่างเต็มที่ รอเพียงฝ่ายบริหารเสนอเข้ามาสู่สภา

ด้าน พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า เมื่อเข้ารับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ตนพบว่ากัมพูชามีการวางกำลังรุกล้ำเข้ามาจากเส้นเขตแดนไทยราว 100-150 เมตร นี่คือการล้ำเขตแดนครั้งแรกที่ตนไม่อาจยอมรับได้ และตั้งใจที่จะผลักดันให้ออกไป แม้ไทยจะพยายามเจรจาให้ถอนกำลัง แต่ไม่เป็นผล จึงตัดสินใจปิดด่าน ซึ่งได้รับคำยืนยันจากฝ่ายกัมพูชาว่าจะถอนกำลังหากเปิดด่าน แต่หลังจากการเจรจาและเปิดด่าน ทหารไทยกลับเหยียบทุ่นระเบิดที่ช่องบก และเพียงหนึ่งสัปดาห์ต่อมาก็เกิดเหตุซ้ำที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี ตนย้ำว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ ซึ่งสะท้อนว่ากัมพูชาไม่เคารพอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการไม่ใช้กับระเบิด แม้จะลงนามเช่นเดียวกับไทย

สำหรับเหตุการณ์ที่ปราสาทตาเมือนธม ในอดีตเคยเปิดให้ประชาชนทั้งสองประเทศขึ้นมาสักการะได้ แต่เกิดความวุ่นวายจนประชาชนไทยและกัมพูชามีแนวโน้มจะปะทะกัน ตนจึงตัดสินใจปิด แม้จะถูกคนไทยทั้งประเทศตำหนิที่ไม่ทราบข้อเท็จจริง การปิดครั้งนั้นเท่ากับการประกาศสงคราม ซึ่งนำไปสู่การยิงปะทะกัน โดยฝ่ายกัมพูชายิงก่อนและการปะทะดำเนินไปไม่เกิน 8 ชั่วโมง ขณะที่ปราสาทตาควายยังคงเป็นพื้นที่ตึงเครียด ไทยไม่สามารถเข้าสู่ตัวปราสาทได้เพราะกัมพูชาวางกำลังและทุ่นระเบิดอย่างหนาแน่น ทำให้เสียเปรียบ ฐานของกัมพูชาอยู่ติดตัวปราสาท ส่วนไทยอยู่ห่างประมาณ 30 เมตร ตนยังยืนยันว่าปราสาทตาควายเป็นของไทย และจะดำเนินการต่อเพื่อนำกลับคืนมา ส่วนที่ปราสาทตาเมือนธม เขาส่งกำลังมาหลักพันเพื่อจะตียึดปราสาทคืนแต่ไม่สำเร็จ ซึ่งความจริงเขาเกิดความสูญเสียเยอะกว่าที่พวกเราได้ยินจากข่าว

จากการปะทะต่อเนื่อง 4 คืน 5 วัน ไทยได้พื้นที่คืนราว 11 จุดที่ถูกรุกล้ำ หนึ่งในนั้นคือ “ภูมะเขือ” จุดยุทธศาสตร์สำคัญ ทหารไทยเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บหลายราย ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาสูญเสียกำลังพลจำนวนมากราว 200-300 นายที่เป็นข่าว และมีผู้นำระดับสูงเสียชีวิต 1 คน ปัจจุบันสถานการณ์อยู่ในขั้นตรึงกำลัง ไม่มีเหตุปะทะด้วยอาวุธและไม่มีสิ่งบอกเหตุ โดยจะมีการประชุม RBC ระหว่างแม่ทัพทั้งสองฝ่ายในอีก 2 สัปดาห์เพื่อหารือเรื่องแนวหน้า และต่อมาจะมีการประชุม GBC ในระดับรัฐมนตรีกลาโหม ตนยืนยันว่าทหารไทยจะคงอยู่ในพื้นที่ที่ยืนอยู่และจะไม่ถอยกลับไปจุดเดิม

พล.ท.บุญสิน กล่าวอีกว่า แม้สถานการณ์โดยรวมดูผ่อนคลาย แต่ยังมีเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดในพื้นที่ฐานเก่าของกัมพูชาที่ถอนกำลังไปแล้ว แต่ได้วางกับระเบิดใหม่ไว้ กองทัพจึงปรับการทำงานโดยใช้เครื่องจักรเป็นหลักเพื่อลดความเสี่ยง ขณะที่ท่าทีของกัมพูชาดูเป็นมิตรมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตนยังให้ความสำคัญกับภัยคุกคามยุคใหม่ โดยเฉพาะการใช้โดรน ทั้งในพื้นที่ชายแดนและตอนในของประเทศ รวมถึงกรุงเทพฯ และนครราชสีมา ซึ่งเป็นเรื่องปกติของสงครามยุคใหม่และถือเป็นยุทธศาสตร์ชาติ

ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ตนเร่งจัดหาโดรนและแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัด 20 จังหวัด ให้บูรณาการร่วมกับผู้กำกับการตำรวจ หาเครื่องมือแอนตี้โดรนและติดตามหาผู้บินโดรน เพราะการบินใกล้สนามบินหรือคลังอาวุธไม่ใช่เรื่องธรรมดา โดรนถูกใช้เพื่อตรวจหาพิกัดสำหรับอาวุธนำวิถีระยะไกล ตนเตือนว่าอย่ามองว่าเป็นเรื่องไกลตัว เพราะสงครามในอนาคตอาจทำให้ทุกครัวเรือนต้องมีบ้านใต้ดินไว้ ตนมีความเชื่อมั่นในกำลังพลแนวหน้าและพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเกิดการรบอีกหรือไม่ โดยได้เสนอแนวทางต่อผู้ใหญ่หลายฝ่ายและได้รับความเห็นชอบทั้งหมด สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไทยในการปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของชาติอย่างเต็มกำลัง