เมื่อกลางดึกวันที่ 9 พฤศจิกายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี หลังจากเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท มีการปรับเพิ่มการระบายน้ำลงสู่พื้นที่ท้ายเขื่อนที่อัตรา 2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ชาวบ้านในพื้นที่ อำเภอเมืองปทุมธานี และ อำเภอสามโคก ทั้งฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก ต่างออกมาเฝ้าดูระดับน้ำบริเวณริมตลิ่ง พร้อมเร่งเสริมแนวคันกั้นน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้ล้นเข้าท่วมพื้นที่ชุมชนด้านใน โดยมีการส่งข้อความแจ้งเตือนระดับน้ำให้ประชาชนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ด้าน นายนพดล ลัดดาแย้ม หรือ “ส.จ.ตุ้ย” อดีตสมาชิกสภาจังหวัดปทุมธานี ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ พร้อมเผยว่าระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่น้ำทะเลหนุน ทำให้บ้านเรือนและร้านค้าริมแม่น้ำเริ่มได้รับผลกระทบ ขณะเดียวกันร้านอาหารหลายแห่งยังคงเปิดให้บริการ โดยยกพื้นทางเดินสูงขึ้นราว 50 เซนติเมตร เพื่อให้ลูกค้าเดินเข้าออกได้สะดวก และช่วยให้ลูกจ้างยังคงมีรายได้ในช่วงสถานการณ์น้ำท่วม

ขณะเดียวกันที่ วัดชินวรารามวรวิหาร พระอารามหลวง ตำบลบางแขยง อำเภอเมืองปทุมธานี พบว่าน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้ดันผุดขึ้นจากท่อภายในวัด ส่งผลให้น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่โดยรอบ เจ้าหน้าที่จาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี พร้อม เทศบาลตำบลบางแขยง และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ได้เร่งนำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่และท่อพญานาคมาช่วยระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน
จากการตรวจสอบพบว่า ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาขณะนี้สูงกว่าพื้นที่ภายในวัดราว 80 เซนติเมตร แม้ยังอยู่ในระดับที่สามารถรับมือได้ แต่เนื่องจากน้ำได้ทะลักจากท่อระบายน้ำ 3 จุดหลักของวัด ทำให้เกิดน้ำเอ่อเข้ามาอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงต้องเร่งสูบและเฝ้าระวังตลอดทั้งคืน เพื่อป้องกันไม่ให้ระดับน้ำสูงจนเข้าท่วม วิหารสมเด็จพระสังฆราช และ ตำหนักชินวร ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญภายในวัด.
ขอบคถณภาพ เจษฎา ดนตรีเสนาะ – Jetsada Dontreesanoa
ข่าวที่น่าสนใจ
อวสานสายนั่งแช่! 8 พ.ย. นี้ กฎหมายใหม่มาแล้ว นั่งดื่มในร้านหลังเที่ยงคืน โดนปรับจุกๆ 1 หมื่น!
น้ำทะเลหนุนสูง น้ำเจ้าพระยา ทะลักเข้าท่วม พระราม 3 บางจุดสูงถึงเข่า