เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 22 มิ.ย. “พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง” รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) พร้อมด้วย “พล.ต.ต.เอกชัย บุญวิสุทธิ” ผบก.น.2, “พ.ต.อ.เติมเผ่า สิริภูบาล” ผกก.สน.สุทธิสาร และ “พ.ต.ท.ภพกฤต เปลี่ยนเพ็ง” รอง ผกก.สส.สน.สุทธิสาร ร่วมกันแถลงผลจับกุมตัว “นายธิติพันธ์ มานะสัมพันธุ์สกุล” อายุ 45 ปี และนายเอกลักษณ์ ทองโสภณ อายุ 35 ปี พร้อมกุญแจมือ 2 คู่ และวิทยุสื่อสาร 1 ตัว

โดยตั้งข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1, กักขังหน่วงเหนี่ยว, กรรโชกทรัพย์ และอ้างตัวเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ นอกจากนี้ จากการสอบสวนยังมีผู้ร่วมขบวนการอีก 1 ราย คือ “นายเอกราช ช่อนาค” อายุ 32 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างการหลบหนี สืบเนื่องจาก “นายฟิล์ม” (นามสมมติ) อายุ 25 ปี ผู้เสียหาย ได้เข้าแจ้งความว่า ถูกมิจฉาชีพหลอกลวงผ่านแอพพลิเคชั่น ซึ่งเป็นแอพหาเพื่อนคุยที่นิยมในกลุ่มชายรักชาย ซึ่งหากอยู่บริเวณใกล้เคียงกันก็สามารถที่จะทักแชทไปเพื่อพูดคุยหรือนัดเจอได้

โดยผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนเองเพิ่งกลับจากทำงานที่ต่างประเทศได้ 2 วัน จึงโหลดแอพพลิเคชั่นนี้ไว้ หลังจากที่โหลดแอพมาเล่นก็เจอกับชายคนหนึ่ง หน้าตาค่อนข้างดี และรู้สึกถูกใจจึงทักแชทไปพูดคุยด้วย ก่อนจะนัดพบกันที่แมนชั่นแห่งหนึ่งย่านรัชดาภิเษก

ผู้เสียหาย เปิดเผยต่อว่า ระหว่างการพูดคุยผ่านแชทดังกล่าว ชายคนนี้พยายามถามตนว่ามียาไอซ์หรือไม่ เพื่อสร้างอารมณ์ให้ตนไปเล่นด้วยที่ห้อง กระทั่งนัดเจอกัน โดยกลุ่มชายดังกล่าวรออยู่หน้าลิฟต์ เมื่อพบกันกลุ่มชายดังกล่าวอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบ สน.สุทธิสาร โดยสอบถามชื่อตนก่อนจะแสดงบัตรตำรวจ แล้วตรวจค้นร่างกายและกระเป๋าส่วนตัว

ผู้เสียหาย เปิดเผยอีกว่า ก่อนจะหยิบซองบรรจุสารเสพติดชนิดยาไอซ์ที่อยู่ในกระเป๋าตน แล้วก็พูดกับตนว่า “เยอะมากเลย ซื้อมาเท่าไหร่” ซึ่งตอนนั้นตนรู้สึกตกใจมาก เพราะไม่ใช่สารเสพติดของตน จึงพยายามบอกไปว่าไม่มีเงินไปซื้อสารเสพติด ก่อนชายที่อ้างตัวเป็นตำรวจก็บอกว่า หากไปขึ้นศาล ในคดีความเรื่องสารเสพติด จะต้องโดนปรับ 50,000-60,000 บาท แล้วอาจจะไม่ได้กลับไปทำงานที่ต่างประเทศ เพราะติดคดีนี้

“จึงมีการให้ตนไปหาเงินมาให้ 40,000 บาท กับข้อเสนอปล่อยตัว ซึ่งตนไม่มีเงินขนาดนั้น จึงต่อลองเหลือ 12,000 บาท ตนยืนยันว่า ไม่เสพยา และไม่มียาดังกล่าว และเชื่อว่า ต้องเป็นตำรวจแน่ๆ ซึ่งตนไม่อยากมีคดีความ จากนั้น จึงไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มเป็นเงิน 12,000 บาทแทนการปล่อยตัว” ผู้เสียหาย กล่าว