ลือ “ผกก.โจ้” หนีออกไทยไปโผล่เขมรแล้ว ชุดสืบสวนเชื่อมีความช่ำชองการหลบหนี ได้ผ่านช่องทางธรรมชาติ จ.สระแก้ว ขณะที่ ผู้ต้องหา 5 รายถูกคุมตัวส่งศาลนครสวรรค์เพื่อฝากขัง ขณะที่ หมวดธรณินทร์ รองสวป. ผู้ต้องหาอีกราย ติดต่อจะเข้ามอบตัวในวันนี้

ข่าวอื่นๆเพิ่มเติม

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 26 ส.ค.64 ที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ ได้เปิดให้ญาติเยี่ยมผู้ต้องหา ที่ร่วมกับ ผกก.โจ้ ก่อเหตุคดีสะเทือนขวัญ ซึ่งมีญาติและเพื่อนร่วมรุ่นได้เข้าเยี่ยม ด.ต.วิสุทธิ์ บุญเขียว หรือดาบโบ้ และเตรียมเงินมาประกันดาบโบ้ 4 แสนบาท พร้อมกับกล่าวว่า เห็นใจที่เพื่อนอยู่ในสถานการณ์นั้น ทำอะไรไม่ถูก ในชีวิตตำรวจ ดาบโบ้ เป็นคนดีมาตลอด แต่ถ้าใครไปอยู่จุดนั้นในวันเกิดเหตุเมื่อโดนสั่งก็คงต้องทำ เท่าที่เห็นคลิปเชื่อว่าไม่มีตำรวจคนไหนอยากให้ใครตาย หรือเอาชื่อมาทิ้งกับเรื่องนี้ แต่เป็นวิธีการเค้นผู้ต้องหา และไม่เชื่อว่ามีการรีดไถเงินผู้เสียชีวิต คงไม่ทำกันบนโรงพัก ตอนนี้ตัวเองอยากให้ ผู้กำกับโจ้

ด้านนายสมาน ดิษทอง อายุ 62 ปี พ่อของ พ.ต.ต.รวิโรจน์ ดิษทอง เดินทางมาจากจังหวัดเพชรบูรณ์เพื่อเยี่ยมลูกชาย เผยว่า เหตุการณ์ในคลิปตอนนั้น ต้องดูว่าใครลงมือก่อน แล้วลูกน้องจะไม่ทำตามได้อย่างไร ซึ่งในเหตุการณ์ ลูกตนได้ห้าม ผู้กำกับโจ้แล้ว ว่า นายอย่าทำนะ แต่เมื่อนายลงมือ ลูกน้องใครจะกล้าห้าม และยืนยันว่าลูกตนไม่ได้ตั้งใจทำ เขามาร้องไห้กับตน จึงคิดว่าทำไมคนดีๆ ต้องมาเจอแบบนี้ และขอร้องสังคมอย่าเพิ่งตราหน้าว่าเป็นตำรวจชั่ว ให้พิจารณาเป็นคนๆ ถ้าจะเกิดอะไรขึ้นก็ขอให้เอาผิดตัวบุคคลไป ใครผิดก็ว่าไปตามหลักฐานที่ทำผิด ใครถูกก็ว่ากันไป

ต่อมา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ชุด นปพ. 10 นาย โดย นปพ. 2 นาย คุมผู้ต้องหา 1 นาย ได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดประกอบด้วย พ.ต.ต.รวิโรจน์ ดิษทอง ร.ต.อ.ทรงยศ คล้ายนาค ด.ต.ศุภากร นิ่มชื่น ส.ต.ต.ปวีณ์กร คำมาเร็ว และ ด.ต.วิสุทธิ์ บุญเขียว ระหว่างนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาขึ้นรถตู้บริเวณด้านข้างทางออกของ สภ.เมืองนครสวรรค์ เพื่อส่งตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนครสวรรค์ ผู้สื่อข่าวได้ถามผู้ต้องแต่ละคนว่ามีอะไรจะพูดไหม ผู้ต้องหาทั้งหมดไม่พูดอะไร ได้แต่ก้มหน้าแล้วเดินขึ้นรถตู้ไปอย่างรวดเร็ว มามอบตัว จะได้ต่อสู้คดีตามกระบวนการ เพราะเรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว

ขณะที่ ส.ต.ต.ปวีณ์กร ผู้ต้องหา ได้ร้องไห้เสียงดังตลอดทางเดินขึ้นรถตู้ สำหรับตัวของ ส.ต.ต.ปวีณ์กร ทำหน้าที่เป็นพลขับให้ ผกก.โจ้ และเพิ่งเป็นตำรวจได้เพียงสองปีเท่านั้นที่ สภ.ตาคลี ก่อนจะถูกดึงมาช่วยราชการที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าตัวเคยไปปรับทุกข์กับญาติว่าเคยถูก ผกก.โจ้ และแฟนสาวด่าทอ พร้อมกับบังคับขู่เข็ญให้ทำในสิ่งที่ไม่เต็มใจ แต่เจ้าตัวไม่สามารถขัดขืนได้ เพราะเป็นลูกน้องหากไม่ทำตามก็จะต้องถูกลงโทษ

สำหรับตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย นั้นถูกนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนครสวรรค์ โดยพนักงานสอบสวนยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอคัดค้านการประกันตัวด้วย โดยให้เหตุผลว่าเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ และทั้งหมดเป็นอดีตตำรวจ ถ้าหากได้รับการประกันตัวอาจจะออกมาจะยุ่งกับพยานหลักฐานทำให้ส่งผลกับรูปคดีได้

ส่วนการติดตามตัวผู้ต้องหาที่หลบหนีอีกสองคนคือ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ และ ร.ต.ท.ธรณินทร์ ล่าสุดยังไร้วี่แวว และมีรายงานข่าวว่า ร.ต.ท.ธรณินทร์ ไม่ได้หลบหนีไปกับ ผกก.โจ้ เนื่องจากไม่ได้มีความสนิทสนมกันมากนัก แต่ได้เข้าไปปรึกษากับผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเพื่อขอคำปรึกษา ซึ่งในวันนี้อาจจะมีการขอเข้ามอบตัวกับผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ด้วย

สำหรับการติดตามตัว ผกก.โจ้ นั้น ชุดสืบสวนให้ข้อมูลว่า ผกก.โจ้ ไม่ได้อยู่ภายในประเทศแล้ว จากข้อมูลการสืบสวนพบว่า หลบหนีไปอยู่ในประเทศกัมพูชา โดยผ่านช่องทางธรรมชาติที่จังหวัดสระแก้ว ซึ่งตัวของ ผกก.โจ้ เป็นตำรวจสืบสวนเก่า คลุกคลีอยู่กับงานสืบสวนมาตลอดชีวิต จึงรู้จักทางหนีทีไล่และรู้จักช่องทางหลบหนีเป็นอย่างดี อีกทั้งยังรู้ว่าตำรวจจะใช้วิธีการติดตามตัวอย่างไร จึงมีวิธีในการหลบหนี

ซึ่งเป็นอุปสรรคในการติดตามตัว และการหลบหนีนั้นไม่มีการใช้รถหรูในการหลบหนีอย่างแน่นอนเพราะเป็นจุดสังเกตทำให้การหลบหนียากขึ้น สำหรับข้อมูลที่มีบางเพจนำเสนอก่อนหน้านี้ ว่ามีรถยนต์หรู ยี่ห้อเบนซ์ สีบรอนซ์เงิน ขับผ่านกล้องวงจรปิดของตำรวจทางหลวงแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์นั้น ล่าสุดได้รับข้อมูลว่ารถคันดังกล่าวไม่ใช่รถยนต์ของ ผกก.โจ้ แต่เป็นรถของ ผบช.ภ.6 ที่เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่เพื่อตรวจเยี่ยมสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่ตามปกติเท่านั้น

ลือ “ผกก.โจ้” หนีออกไทยไปโผล่เขมร ผ่านช่องทางธรรมชาติ