วันนี้ (21 ธ.ค.60) นายแพทย์อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีสภาวะอากาศที่หนาวเย็นลง ส่งผลให้ประชาชนเกิดการเจ็บป่วยและมีปัญหาสุขภาพ ดังนั้นการสร้างความแข็งแรงของร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ ซึ่งเด็กทารกแรกเกิดถึง 6 เดือน ยังไม่มีภูมิคุ้มกันที่ดีพอ จึงจำเป็นต้องได้กินนมแม่เป็นประจำ แม่ควรให้ลูกดูดนมแม่จากเต้าบ่อยครั้งตามต้องการ และไม่ต้องให้น้ำหรืออาหารอื่นแก่เด็ก เพราะนมแม่มีน้ำและสารอาหารที่เพียงพออยู่แล้ว และยังมีภูมิคุ้มกันโรคที่ช่วยป้องกันเด็กจากการติดเชื้อต่าง ๆ ได้ ซึ่งตามข้อแนะนำองค์การอนามัยโลก เด็กทุกคนควรได้กินนมแม่เพียงอย่างเดียวจนถึงอายุ 6 เดือน หลังจากนั้นยังคงให้กินนมแม่ควบคู่อาหารตามวัยจนลูกอายุครบ 2 ปี หรือมากกว่า การให้ลูกดูดนมจากเต้าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะอ้อมกอดของแม่ช่วยถ่ายทอดความรักความผูกพันระหว่างแม่ลูก ช่วยให้ลูกมีความสุข

ทั้งนี้ การให้ลูกดูดนมแม่ยังเป็นการกระตุ้นฮอร์โมนออกซิโทซิน (Oxytocin) ในแม่ ซึ่งมีผลเพิ่มอุณหภูมิในตัวแม่ ทำให้ลูกคลายความหนาวได้ในระหว่างที่แม่โอบกอดให้นมลูก ส่วนผู้สูงอายุควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำในเวลากลางคืน หรือถ้าไม่สามารถเลี่ยงได้ก็ควรมีการยืดเส้นยืดสายเพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายก่อนอาบน้ำ

โดยสำหรับประชาชนทั่วไป ในช่วงหน้าหนาวควรเลือกกินอาหารที่เพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย เป็นอาหารที่ร้อนและปรุงสุกใหม่ ๆ หลีกเลี่ยงอาหารเปรี้ยวจัด มันจัด แต่ควรเลือกอาหารที่มีรสเปรี้ยว หรือเปรี้ยวอมขมเล็กน้อยที่เป็นผักพื้นบ้านตามฤดูกาลและหาได้ง่ายในช่วงหน้าหนาว เพราะมีวิตามินซีช่วยเสริมภูมิคุ้มกันต้านโรคหวัด และเน้นเมนูอาหารที่มีเครื่องเทศที่มีรสเผ็ดร้อน เพื่อกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดในร่างกาย ทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นได้ รวมถึงกินผลไม้สดที่มีวิตามินซีสูง เพราะจะมีส่วนช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกันโรคระบบทางเดินหายใจ

ขณะเดียวกันสวมเสื้อผ้าที่มิดชิด ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ และควรดื่มน้ำอุ่นเป็นประจำเพื่อช่วยสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนัง กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตและการทำงานของอวัยวะภายใน บรรเทาอาการไข้และคอแห้ง

ที่มา – PPTV . กรมอนามัย

กรมอนามัย แนะการดูแลสุขภาพช่วงหน้าหนาว โดยเฉพาะแม่เด็กและทารกน้อย รวมถึงการอาบน้ำ