วันที่ 30 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวการจัดตั้งรัฐบาล ที่นำโดย พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ล่าสุดมีการส่งสัญญาณจากผู้ใหญ่ในรัฐบาล ให้ฝ่ายการเมืองดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อให้เป็นรูปแบบการเมืองมากขึ้น โดยมีนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค เป็นผู้ดำเนินการ

สอดคล้องกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุเมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า การตั้งรัฐบาลเป็นเรื่องของพรรคการเมือง เนื่องจากพรรคร่วมอาจไม่สบายใจที่พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่าจะเป็นผู้พิจารณารายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ด้วยตัวเอง

อย่างไรก็ตามจากการเทียบเชิญ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ก่อนหน้านี้ มีหลายประเด็นที่ต้องพิจารณากันต่อไป ซึ่งอาจมีการเกลี่ยกระทรวงกันใหม่จากเดิมที่วางไว้ โดยพิจารณาที่ด้านนโยบายของแต่ละพรรคการเมือง และคำนึงถึงเสถียรภาพของรัฐบาลด้วย พรรคพปชร. จะตกลงกันให้ได้ก่อนวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี แต่ในขั้นสุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นคนเคาะรายชื่อบุคคลต่างๆ ว่าเหมาะกับตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงที่ได้รับหรือไม่

รายงานข่าวแจ้งว่าแกนนำพปชร. มองถึงภาพรวมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม ฯลฯ หากไม่ได้เป็นของพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะกระทบกับคนชนบท ซึ่งจะส่งผลต่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป จึงต้องมาร่วมกันพิจารณาอย่างรอบคอบ

ทั้งนี้พรรคพปชร. ไม่ได้กังวลการรวมเสียงโหวตนายกฯ แม้ยังตกลงกับพรรคร่วมไม่ได้ แต่กลไกตามรัฐธรรมนูญยังเปิดช่องให้ ส.ว. สามารถโหวตนายกฯได้ ซึ่งเมื่อรวมเสียงพรรคพปชร. กับพรรคที่ออกตัวแล้วว่าจะร่วมรัฐบาลกับ พรรคพปชร. รวมกับ ส.ว.250 คน เป็น 376 เสียง ซึ่งจะเกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุม โดยพรรคพปชร. จะใช้แนวทางเลือกนี้ต่อเมื่อไม่สามารถปิดดีลกับ ประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทยได้ โดยจะโหวตนายกฯไปก่อนแล้วค่อยคุยกับ 2 พรรคต่อในภายหลัง

ยังไงๆ พปชร. พลิกลิ้น อาจไม่ง้อ ปชป.-ภูมิใจไทย ยักไหล่มี ส.ว. 250 ช่วยโหวตผ่านฉลุย