ลุงต้นตำรับชาบู “ขอโทษย้ำเสียใจ” แจงเจ้าของสาขาต้นเรื่องขอโทษตนแล้ว “สาขาอื่นไม่เกี่ยวข้อง” ด้านหลานจะใช้มาตรการเข้มมากขึ้น

วันที่ 10 กันยายน นายวันเลิด พวงพยอม อายุ 72 ปี เจ้าของต้นตำหรับชาบูนางใน สาขาพระรามเก้า 41 พร้อมด้วย เภสัชกรไกรฤทธิ์ หอโสภณพงษ์ หลานชายออกมาชี้แจงถึงเรื่องดราม่าบุฟเฟต์ที่เกิดขึ้น โดยนายวันเลิด กล่าวว่าก่อนอื่นตนต้องขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย โดยไม่ขอปฎิเสธความรับผิดชอบอะไร ตนไม่เคยคิดค่าแฟรนไชส์สำหรับคนที่มาขอเพียงแต่จะขอให้ผู้ที่เปิดร้านให้มีความตั้งใจ ซื่อสัตย์กับลูกค้าและวัตถุดิบจะต้องมีคุณภาพ

อีกทั้งตนยังเน้นย้ำให้ลูกค้าที่เข้ามากินต้องอิ่มจนพอใจ นี่คือสิ่งที่เราเน้นย้ำมาตลอด ส่วนกรณีดังกล่าวก็เข้าใจได้ว่าอาจจะเป็นเพราะเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ทำให้หลายสาขาขาดทุน แต่การที่คิดเงินลูกค้าเพิ่มนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ

การไปเปิดเฟรนไชส์แต่ละสาขา ราคาก็จะขึ้นอยู่ที่ผู้ที่ไปเปิดว่าเป็นพื้นที่ไหน สภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร เพราะราคาอาจจะขึ้นอยู่กับค่าเช่าที่ซึ่งผู้ทำธุรกิจจะต้องบริหารจัดการเอง ถ้าหากใครสนใจอยากจะเปิด ก็ต้องมาเรียนเองถึงที่ร้านต้นตำรับเท่านั้น

หลังจากที่เกิดเหตุการณ์นี้แล้ว ยอมรับว่าเสียใจมาก เพราะอาจจะทำให้สาขาอื่นเดือดร้อนไปด้วย จึงแนะนำให้สาขาที่ไม่เกี่ยวข้องมาชี้แจงความบริสุทธิ์ใจได้ ส่วนสาขาต้นเรื่องเมื่อวาน ทางด้านเจ้าของร้านก็ได้โทรเข้ามาขอโทษตนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว

ด้านเภสัชกรไกรฤทธิ์กล่าวว่า สำหรับชาบูนางในหลายสาขามีปัญหาจากเศรษฐกิจ หลังจากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ต่อไปนี้ทางสาขาจะต้องทำเป็นในเชิงระบบธุรกิจมากขึ้น จะมีการตรวจสอบคุณภาพและเป็นกฎระเบียบที่เหมือนกัน โดยตนเองก็จะสานต่อธุรกิจชาบูตามเจตนาของลุงที่ยังคงเน้นมาตรฐาน คุณภาพและบริการดังเดิม

****************************************

(ขอขอบคุณเรื่องจาก The Tempo News)