ต้องบอกเลยว่าเป็นสุดยอดแรงบันดาลใจชั้นดีเลยทีเดียว เมื่อสมาชิกเว็บไซต์พันทิป คุณ AppuMraz ได้ตั้งกระทู้แห่งแรงบันดาลใจ “หรือคนไม่สวย ไม่ควรเกิดเป็นผู้หญิง?! จากปมด้อยของเด็กคนหนึ่ง ที่ไม่อยากทนกับคำว่า ‘อิอ้วน อิดำ’ จนยอมเปลี่ยนเพศตัวเอง” เธอได้เล่าประสบการณ์ชีวิตว่า จุดหักเหของชีวิตเด็กผู้หญิงคนนึงเริ่มต้นจากคำพูดง่ายๆ ที่ทุกคนพูดจนชินปากจนเป็นเรื่องธรรมดา เนี่ยแหละค่ะ กับคำว่า อีอ้วน อีดำ อีสิว หน้าแบบนี้ไม่มีผู้ชายคนไหนเอาหรอก คำพูดแค่ไม่กี่คำ ทำให้ชอปมีปมด้อยไปตลอดกับคำพูดง่ายๆพวกนั้น

บางคนอาจจะมีแรงผลักดันจากคำดูถูกเหล่านั้น แล้วหันมาทำให้ตัวเองสวยขึ้น แต่ชอปไม่ค่ะ สิ่งที่ชอปรู้สึกมีเพียงอย่างเดียวคือ ไม่อยากเป็นผู้หญิง ก็ถ้าเป็นผู้หญิงแล้วมันไม่สวย จะเป็นผู้หญิงต่อไปทำไมให้ขายขี้หน้าคน นี่เป็นภาพชอปช่วงเรียน ม.4 ตอนนั้นน้ำหนักประมาณแปดสิบ คืออ้วนๆมาก เท่านี้เลย ก็พยายามทำความเข้าใจนะ ว่าหลายๆคนอาจจะพูดเพราะหวังดี เป็นห่วง อยากให้ลดน้ำหนักหรือว่าอะไร แต่ที่เจอหลายๆครั้ง คือเรียกแทนชื่อเล่นไปเลย คิดว่าทุกคนคงเข้าใจนะคะ ถ้ามีใครมาเรียกเราว่า อีอ้วน อีดำ แทนชื่อตลอดเวลา มันรู้สึกแย่มากๆ รู้สึกเป็นปมด้อย

จนชอปรู้สึกว่า ไม่หลงเหลือความมั่นใจอะไรเลย ทำไมเกิดมาถึงไม่สวย คิดติดลบกับตัวเองเรื่อยๆ จนเกิดเป็นความคิดที่ว่า ถ้าเป็นผู้หญิงแล้วไม่สวย ก็ไม่อยากเป็นอีกต่อไป ยอมรับเลยว่าคิดง่ายๆตื้นๆ คือถ้าไม่สวย ก็แค่หนีมันออกมาเลย หันมาทำตัวเป็นผู้ชายแทน ทั้งๆที่ความจริงในใจ ชอปก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่เหมือนเดิม ยังอยากสวยเหมือนผู้หญิงคนอื่น เพียงแต่ชอป ไม่กล้าที่จะสวย ไม่กล้าที่จะเป็นผู้หญิงแล้วเท่านั้นเอง ก็เลยค่อยๆเปลี่ยน จากผู้หญิงที่ไม่สวย ชอปตัดสินใจเป็น “ทอม” เพราะชอปคิดแล้วว่า ชอปเป็นผู้หญิงแล้วไม่สวย ประกอบกับแรงกดดันจากคนรอบตัว

พอเป็นทอมก็ยังดำ ยังอ้วนเหมือนเดิมนะ แต่ที่แปลกก็คือ ไม่มีใครล้อว่าอีอ้วน อีดำอีกเลย ตอนนั้นก็เลยกลายเป็นมั่นใจในตัวเองมากขึ้น แอบคิดว่าพอเป็นผู้ชายแล้วเราก็หล่อ ดูดี ก็เพอร์เฟกต์ในระดับนึงนะ เพราะตั้งแต่เป็นทอม ทำตัวแมนฮะๆ ก็ไม่เคยมีใครมาล้อเราเรื่องอ้วน ดำ สิว ไม่สวยอีกเลย อาจจะเป็นเพราะว่าพอมาเป็นผู้ชาย มันก็ดูเป็นเพศที่ไม่ต้องสวยอ่ะ ต่อให้ไม่สวยเหมือนเดิมก็ไม่โดนล้อแล้ว ตอนนั้นก็ดีใจนะ เรียกว่าสบายใจก็ได้ คือสบายใจมากๆที่ไม่มีใครมาล้อ มาจิกหัวด่า มาดูถูกเราเหมือนเดิม

แต่สารภาพเลยว่าในใจชอปก็ยังอยากเป็นผู้หญิงสวยๆเหมือนคนอื่นอยู่ แต่ก็คงเป็นช่วงสับสนของวัยเด็กด้วย ตอนนั้นพอเป็นทอมแล้วก็มีจีบหญิงตามประสา เอาให้สุดอ่ะ แฟนคนแรกของชอปก็เลยเป็นผู้หญิง มันเลยยิ่งทำให้ชอปรู้สึกว่า เออ เราอาจจะเกิดมาเพื่อเป็นผู้ชายจริงๆก็ได้ จนตอนกำลังจะขึ้นมหาลัย ปี 1 อยู่ๆก็มีไฟอยากออกกำลังกาย ไปวิ่งไรงี้ อาจจะอยากสวยก่อนเข้าปี 1 แบบไม่รู้ตัว ประกอบกับอกหักจากแฟนสาวด้วย วิ่งไปมากน้อยแค่ไหนไม่รู้แหละ คือว่างเมื่อไหร่ก็วิ่ง วิ่งจนเริ่มเป็นกิจวัตร วิ่งจนน้ำหนักลงไปประมาณ 10 โลได้ค่ะ

ทำให้ชอปไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง และเลือกที่จะเปลี่ยนตัวเอง ด้วยการสร้างกำแพงขึ้นมาปิดกั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่ชอปเป็น ซ่อนตัวตนที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้ด้วยการทำตัวเป็น ทอม โอเคมันสบายใจก็จริงที่ไม่ต้องมาเจอ ไม่ต้องมาทนกับคำพูดจาดูถูกทำร้ายจิตใจ แต่มันเป็นสิ่งที่ชอปมีความสุขหรือเปล่า ตอนนั้นก็ถามใจตัวเองหนักมากค่ะ ว่าชอปเป็นอะไร อยากเป็นแบบไหน ชอปก็เลยมีความคิดว่า เนี่ย แค่วิ่งแปบเดียวน้ำหนักยังลงมาได้ตั้งเยอะ ความจริงเราก็ดีกว่านี้ได้นี่หว่า แต่ไม่ได้คิดขนาดว่าชั้นจะต้องสวยได้เหมือนคนอื่นไรงี้นะคะ แค่คิดว่า ให้เป็นตัวเองที่ดีขึ้นเรื่อยๆให้ได้ แค่นี้ก็พอแล้ว

ตอนนั้นเลยเริ่มมีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองอีกครั้งค่ะ แต่คราวนี้ จะเป็นการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพราะตัวเองล้วนๆ ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงตัวเองเพราะคำพูดของคนอื่นอีกแล้ว พอเปิดเทอมเข้ามหาลัย ชอปก็เลยตัดสินใจกลับไปแต่งหญิงค่ะ ตอนนั้นน้ำหนัก 65 โล ก็ยังไม่ผอมนะ แต่ดูดีขึ้นกว่าเดิมนิดนึง หลังจากที่น้ำหนักเริ่มลง ก็มองเห็นอะไรหลายๆอย่างค่ะ อย่างแรกเลยคือ ไม่มีคนมาดูถูก ว่าเราเป็นอีอ้วน อีช้างน้ำอีกต่อไป เวลาที่มีใครมาว่า มาล้อชอป ว่าแบบทำไมไม่ไปลดน้ำหนักไรงี้ หลายคนอาจจะบอกว่า ติเพื่อก่อ สร้างแรงกระตุ้น เตือนเพราะอยากให้ลดความอ้วนซักที

แต่สิ่งที่ชอปรู้สึกคือ ตรงกันข้ามเลยค่ะ ชอปรู้สึกแย่มากๆ จิตตกมากๆ หดหู่กับตัวเอง แบบไม่มีหวัง ชอปอายคนไปหมด เสียความมั่นใจไปหมด แต่พอไม่มีคนมาด่ามาว่าชอป ชอปก็สบายใจที่จะค่อยๆลดน้ำหนักมากขึ้นอีก ค่อยๆหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น อยากทาครีม อยากแต่งตัวสวยๆ กล้าที่จะใส่เสื้อผ้าน่ารักๆ ตอนปี 2 ก็เริ่มดูแลตัวเองมากขึ้น เรียกว่าเป็นผู้หญิงเต็มตัวแล้ว ก็มีทาครีม บำรุงผิวมากขึ้น แล้วก็ผอมลงอีกเยอะเลย ยอมรับนะคะ ว่าผู้หญิงพอดูดีขึ้น ก็มีแฟนเป็นเรื่องธรรมดา ชอปเองก็มีแฟนค่ะ เป็นผู้ชายคนนึง เพื่อนๆคงจะคิดว่าความรักมันคงแฮปปี้เนอะ ดูดีขึ้นแล้วหนิ มีแฟน ชีวิตดี๊ดี

แต่เปล่าเลยค่ะ ยังโดนแฟนเทอีกเหมือนกันค่ะ ถามว่าเทไปไหน เทไปชอบผู้ชายด้วยกันค่าา หน้าแหกค่ะนังชอป เงิบเซ่ วินาทีนั้นอยากให้มีกล้องออกมาจากถังขยะแล้วบอกว่า จ้อจี้!! เห้อม เรื่องจริงยิ่งกว่านิยายค่ะ ไหนว่าสวยขึ้นแล้วไหง ยังโดนเท ตอนนั้นคือชอปซึ้งเลยค่ะว่าหน้าตาก็ไม่ใช่ทั้งหมดจริงๆ ชอปเชื่อว่าหลายคนรวมทั้งตัวชอปโฟกัสกันที่หน้าตามากเกินไป คิดว่าแค่สวยแค่หล่อก็จะทำให้มีความรักดีๆ แน่นอนว่า First Impression มันอาจสำคัญค่ะ ถ้าเราสวย หล่อ ดูดี มันก็น่าทำความรู้จัก ใครๆก็อยากมาคุยมาคบกับเรา แต่ระยาว พอคบกันไปจริงๆ มันมีอะไรมากกว่านั้นแน่นอนค่ะ

ทำมาเกือบทุกอย่างที่คิดว่าจะพาความรักดีๆมาให้ชอปได้ และมันก็ทำให้ชอปได้ทั้งรัก และก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างไปพร้อมๆกัน แต่อย่างที่พี่ตูนกล่าวเอาไว้จริงๆค่ะ ความรักเนี่ย ยิ่งรู้ก็ยิ่งไม่เข้าใจเนอะ ตอนนี้ชอปเลยเลือกที่จะกลับมารักตัวเองให้มากที่สุดค่ะ ตอนนี้ชอปก็หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น มีความสุขกับสิ่งที่เป็น ได้เป็นตัวของตัวเอง อยากสวยก็บำรุงผิว แต่งหน้า แต่งตัว อยากหุ่นดีก็ออกกำลังกาย ชอปไม่ได้ศัลยกรรมเลยนะคะ อันนี้เพื่อนเก่าถามกันเยอะมาก ความจริงแค่โตขึ้น แต่งหน้าแต่งตัวดีขึ้น บวกกับดัดฟันเสร็จแล้ว หน้าก็เลยดูเปลี่ยนเยอะ

ส่วนใครหลายๆคนที่อาจจะเคยต่อว่า ล้อเลียนคนอื่น เหมือนที่ชอปเคยโดนมา ชอปก็ขอฝากไว้ว่า คำพูดที่คุณพูดมาแค่ไม่กี่วินาที ด้วยความสนุกปาก อาจจะคิดว่า แค่ล้อเล่น ไม่เห็นจะเป็นไร แต่คนฟังเค้าเก็บคำๆนั้นฝังลงไปในใจเค้าตลอดชีวิต คำไม่กี่คำของคุณอาจเป็นอาวุธทำร้ายจิตใจหรือทำลายชีวิตคนได้ นี่ก็เป็นเรื่องราวทั้งหมดของชอปเองที่อยากมาแชร์เป็นกำลังใจให้คนอื่นๆ ที่อาจจะโดนว่า โดนล้อแบบที่ชอปเคยโดนมา ก็ขอให้ทุกคน “สู้” กับมันนะคะ เอาคำพวกนั้นมาเป็นแรงผลักดัน อันไหนฟังแล้วเป็นประโยชน์กับเรา ก็เอาอันนั้นมาปรับปรุงตัวเองค่ะ อันไหนฟังแล้วบั่นทอนความรู้สึก เราก็ปล่อยผ่านไป

ตอนนี้ชอปมีความสุขกับชีวิตที่ชอปเลือกเอง อาจจะไม่ได้สวยที่สุด แต่ชอปพอใจกับตัวเอง พอใจในสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ที่สุดแล้วค่ะ ตั้งแต่ไม่เอาคำพูดคนอื่นมาบั่นทอนความรู้สึกตัวเอง ชีวิตชอปก็ดีขึ้นเยอะมากๆ ได้ทำอะไรตามใจตัวเองอย่างแท้จริง ก็เป็นชีวิตที่สมบูรณ์ที่สุดของชอปแล้วค่ะ

สุดยอดแรงบันดาลใจ!!! สาวโดนด่าอ้วนดำจนยอมข้ามเพศ แต่สุดท้ายเธอสู้ ยิ่งกว่าชนะใจตัวเอง