วันที่ 30 มี.ค. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้พบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมอนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และน.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เพื่อรายงานนายกรัฐมนตรีถึงมาตรการชุดที่ 3 ที่เป็นมาตรการชุดใหญ่ที่จะช่วยเยียวยาและดูแลระบบเศรษฐกิจไทยในช่วงเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19

“มาตรการใหม่นี้ต้องมีส่วนผสมผสานของงบประมาณและเงินกู้ เพราะสถานะของเราแข็งแรงพอที่จะทำได้อยู่แล้ว โดยไม่ได้เดือนร้อนอะไรเลย ด้วยการตัดงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ของทุกกระทรวงออกมา 10 % มาไว้ในงบกลางฯ เพื่อให้นายกรัฐมนตรี ใช้ในสิ่งที่มีความจำเป็น เพื่อรองรับการแก้ปัญหาโควิด-19 ให้เกิดผลดีที่สุด”

นายสมคิด กล่าวอีกว่า อีกส่วนจะเป็นการออกพ.ร.ก.กู้เงิน เพื่อนำมาดูแลทั้งระบบ ให้ผู้ประกอบการมีสภาพคล่องที่เพียงพอ ให้ตลาดเงินตลาดทุนมีสภาพคล่องที่เพียงพอ เพื่อหล่อเลี้ยงระบบทั้งระบบได้ แต่จะเป็นวงเงินขนาดไหนขอให้รอดูใกล้ๆนี้ ที่แต่ละคนกำลังทำกันอยู่ จะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความมั่นใจในระบบ เราต้องทำไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น ฉะนั้นไม่ต้องมีความกังวล รัฐบาล กระทรวงการคลัง ธปท.และ ก.ล.ต.เตรียมพร้อมในสิ่งนี้อยู่แล้ว

นายสมคิด กล่าวว่า เรื่องการตัดงบ 10 % ให้แต่ละกระทรวงนำออกมา คราวนี้ไม่ได้มีปัญหาแน่ ล่าสุดสำนักงบประมาณชี้ว่าอาจต้องออกพ.ร.บ.โอนเงินงบประมาณ ความจริงแล้วอยากให้ออกเป็นพ.ร.ก. แต่แม้จะออกพ.ร.บ.ก็เชื่อว่าไม่มีใครค้าน สามารถทำได้เร็วโดยเสนอพิจารณาเป็น 3 วาระรวด ตอนนี้ฝ่ายกฏหมายกำลังตีความเป็นสองอย่างว่าจะออกเป็นพ.ร.บ.หรือพ.ร.ก. เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย ส่วนเรื่องแจกเงิน 5,000 บาท กรณีที่มีผู้ผ่านคุณสมบัติเกินกว่าที่คาดไว้นั้น ฟังไว้ ทุกอย่างเราดูแลได้หมด ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวล

“ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าประเทศไทยจะต้องไปกู้ยืมเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) นั้น ไม่เป็นความจริง ประเทศไทยไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องไปกู้เงินจากสถาบันการเงินต่างประเทศ และไม่จำเป็นที่ต้องไปขอให้ไอเอ็มเอฟมาช่วยเหลือเลย”

Cr. ข่าวสด

สั่งตัดงบทุกกระทรวงให้ บิ๊กตู่ ใช้สู้โควิด เล็งออกพ.ร.ก.กู้เงินด้วย