วันที่ 4 ก.ค. 61 เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา เผยคำให้สัมภาษณ์ของ เวอร์นอน อันส์เวิร์ธ นักสำรวจถ้ำชาวอังกฤษ ผู้แนะทางการไทยเรียกนักดำน้ำในถ้ำเพื่อนร่วมชาติผู้เชี่ยวชาญของเขาทั้ง 3 คน มาให้การช่วยเหลือปฏิบัติการค้นหาทีมหมูป่าจนประสบความสำเร็จ ว่าช่วงเวลาที่ จอห์น โวลันเธน และริชาร์ด วิลเลียม สแตนตัน สองนักดำน้ำในถ้ำพบเด็กนักฟุตบอลกลุ่มนี้และโค้ชนั้น เกิดจากโชคช่วย เมื่อเชือกที่ใช้ปักวางแนวนำทางหมดลงตรงนั้นพอดี ซึ่งหากเชือกหมดเร็วกว่านั้นสัก 15 ฟุต พวกเขาคงต้องหันหลังกลับและจะไม่ได้เจอเด็กๆ อยู่ตรงนั้น ทีมหมูป่าก็จะต้องอยู่ท่ามกลางความมืดมิดอีก 1 คืนโดยไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยหรือไม่

อันส์เวิร์ธเล่าว่า โวลันเธนและสแตนตันเป็นชุดหน้าที่ทำหน้าที่ปักวางแนวเชือก เพื่อใช้นำทางสำหรับทีมที่ตามมาในการฝ่าน้ำเชี่ยวกรากและขุ่นโคลนเมื่อคืนวันจันทร์ แต่เชือกในมือของโวลันเธนหมดลงตรงบริเวณนั้นพอดี เมื่อเขาปักปลายเชือกลงในดินโคลนหมดแล้วก็โผล่ขึ้นผิวน้ำ ทันใดนั้นไฟฉายที่ศีรษะของเขาก็มองเห็นดวงตา 13 คู่นี้จ้องมองลงมาจากเชิงหิน และนำไปสู่การถ่ายวิดีโอการพบเจอทีมหมูป่าที่อยู่รอดปลอดภัยทั้ง 13 ชีวิต

นิวยอร์กไทมส์ยังกล่าวถึงเบน เรย์เมแนนต์ส นักดำน้ำชาวเบลเยียมที่ช่วยเหลือการค้นหาครั้งนี้ ว่าเขาได้ให้สัมภาษณ์กับสกายนิวส์ของอังกฤษด้วยว่า การนำพาเด็กๆ ดำน้ำออกจากถ้ำในสภาพที่ร่างกายยังอ่อนแอผ่านกระแสน้ำเชี่ยวกรากและช่องแคบๆ นั้นทั้งยากลำบากและอันตราย ถ้ำหลวงเป็นถ้ำที่โหดที่สุดถ้ำหนึ่งที่เขาเคยสำรวจมา ทั้งลึกและซับซ้อน มีกระแสน้ำเชี่ยว บางจุดมืดสนิด ฉะนั้น การนำเด็กๆ ออกมาทีละคนนั้นยังมีความเสี่ยงที่เด็กๆ จะตื่นตกใจ และหากฝนเริ่มตกการว่ายน้ำก็เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้

ขณะที่อันส์เวิร์ธ ซึ่งสำรวจถ้ำหลวงมานานกว่า 6 ปีและอาศัยอยู่ในพื้นที่แถบนั้น กล่าวกับนิวยอร์กไทมส์ว่า การให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการดำน้ำในถ้ำรีบพาเด็กๆ ออกจากถ้ำทันที จะดีกว่าการให้พวกเขาต้องรอเป็นแรมเดือนเพื่อให้น้ำลด เด็กๆ สามารถใช้หน้ากากดำน้ำโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือแบบนักประดาน้ำที่ต้องเรียนรู้การหายใจผ่านดีมานด์วาล์วแบบที่นักประดาน้ำส่วนใหญ่ใช้.