วันที่ 25 เมษายน 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาเปิดเผยข่าวสำคัญที่สร้างความตกใจให้กับหลายฝ่ายว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีอาการป่วยไข้ขึ้นสูงอย่างกะทันหัน และต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเมื่อคืนวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา ภายหลังจากการเดินทางกลับจากการเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ซึ่งมีภารกิจต่อเนื่องตลอดสองวัน คือวันที่ 23 และ 24 เมษายน
ข่าวที่น่าสนใจ
แม่เลี้ยงเดี่ยวลูก 3 สุดผวา! หนุ่มหื่นร่วมหอตามตอแยไม่เลิก บุกห้อง-ด่า-ทำร้ายเย้ยกฎหมาย!
ชาวบ้านตกใจหมด ชายนอนอยู่ใต้ท้องรถ นึกว่าโดนรถทับ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเริ่มรู้สึกมีอาการไข้เล็กน้อยภายหลังจากเดินทางกลับถึงประเทศไทย อย่างไรก็ตาม เมื่อเดินทางกลับถึงบ้านพัก อาการไข้กลับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องตัดสินใจเดินทางไปพบแพทย์ในเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 24 เมษายน แพทย์ผู้ตรวจวินิจฉัยแล้วเห็นสมควรให้นายกรัฐมนตรีเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล เพื่อพักผ่อนและทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียด โดยในวันนี้ (25 เมษายน) ทีมแพทย์จะทำการตรวจร่างกายของนายกรัฐมนตรีอีกครั้งในช่วงเช้าเพื่อประเมินอาการ
จากสถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้กำหนดการภารกิจสำคัญของนายกรัฐมนตรีในวันนี้ต้องถูกเลื่อนออกไปอย่างกะทันหัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การให้การต้อนรับ Mr.Chris Feng กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท Sea Limited และคณะ ที่มีกำหนดการเข้าเยี่ยมคารวะ ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ในเวลา 10.00 น. รวมถึงการเข้าเยี่ยมคารวะของเซอร์ โทนี่ แบลร์ ประธานกรรมการบริหาร Tony Blair Institute for Global Change (TBI) ซึ่งอยู่ในระหว่างการเยือนประเทศไทย และมีกำหนดการเข้าพบที่ห้องสีม่วงเช่นกัน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ปฏิบัติงานแทนในภารกิจอื่นๆ ที่อาจมีขึ้นในระหว่างที่นายกรัฐมนตรีพักรักษาตัว
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รายงานเพิ่มเติมว่า นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามีของนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ภาพภรรยาขณะพักรักษาตัวอยู่บนเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาล ผ่านทางไอจีสตอรี่ส่วนตัว พร้อมข้อความที่แสดงถึงความห่วงใยอย่างยิ่งว่า “ใครเตือนไม่ฟัง ร่างกายเตือนแล้วไม่ไหว” ซึ่งสร้างความรู้สึกเห็นใจและเป็นห่วงให้กับผู้ที่ได้เห็นโพสต์ดังกล่าวเป็นอย่างมาก
การป่วยและต้องเข้ารับการรักษาตัวของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ ถือเป็นสถานการณ์ที่น่าติดตามอย่างใกล้ชิด โดยประชาชนและหลายฝ่ายต่างส่งกำลังใจให้นายกรัฐมนตรีหายป่วยโดยเร็ว เพื่อกลับมาปฏิบัติภารกิจสำคัญในการบริหารประเทศต่อไป