จากกรณีที่ รายการข่าวข้นคนเนชั่น ทางเนชั่นทีวี เมื่อคืนวันที่ 19 มี.ค. ได้นำเสนอคลิปเสียงบทสนทนาของบุคคล 2 คน โดยทางรายการได้ทำกราฟิกเป็นภาพเงาคล้ายอดีตนายกรัฐมนตรี กับหัวหน้าพรรคการเมืองรุ่นใหม่ กำลังพูดคุยต่อรองทางการเมือง
ต่่อมา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้โฟนอินเข้าไปในรายการข่าว ช่องเนชั่น พร้อมระบุว่า “ผมไม่คิดว่าสื่อมวลชนที่มีคุณภาพจะเอาคลิปแบบนี้มาออกรายการ การที่เนชั่นเอาคลิปนี้ออกมา ก็แสดงให้เห็นว่า มาตรฐานจริยธรรมของเนชั่นตกต่ำลง” จากนั้น กรรมการผู้จัดการเนชั่นทีวีแถลง ขอยืนยันในหลักการและมาตรฐานวิชาชีพข่าวขององค์กรเนชั่น ชี้ ถ้าธนาธรเสียหายก็ไปฟ้อง ลั่นถ้าเนชั่นเสียหาย พร้อมฟ้องกลับธนาธรทันที
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุทธิชัย หยุ่น ผู้ก่อตั้งเครือเนชั่น ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยนายสุทธิชัยกล่าวว่า ตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับเนชั่นแล้ว ตนเกษียณจากเนชั่นมา1 ปี ข่าวที่ออกมาสังคมไทยช่วยกันตัดสินแล้วว่าเหมาะหรือไม่อย่างไร ตอนที่ตนเคยทำ เรามีเนชั่นเวย์ ที่เป็นคู่มือจริยธรรม ซึ่งถ้าเปิดดูหากไปอ่านจะรู้ว่ากรณีดังกล่าวมีความสุ่มเสี่ยงผิดจริยธรรม
ขณะนี้ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเนชั่นแล้ว ผมเกษียณจากเนชั่นมา 1ปี พอดี ส่วนเรื่องคลิปที่ออกมานั้น ผมเชื่อว่าสังคมไทยช่วยกันตัดสินแล้ว ว่าเหมาะหรือไม่เหมาะ ส่วนเนชั่นที่ผมเคยทำนั้น มีสิ่งที่เรียกว่า “เนชั่น เวย์” เป็นคู่มือจริยธรรม ของคนทำข่าวเครือเนชั่น ซึ่งถ้าเปิดดู เพื่อดูว่าการกระทำครั้งนี้ ถูกหรือผิดนั้น สรุปได้ว่ามีความสุ่มเสี่ยง ที่ถูกมองได้ว่าผิดจริยธรรม
ดังนั้น สำหรับผมมองว่า มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิด และเป็นเรื่องที่คนที่เกี่ยวข้องควรจะต้องทบทวน ฟื้นความน่าเชื่อถือของคนทำสื่อ ไม่ใช่เฉพาะเนชั่น ในภาวะปัจจุบัน ที่มีการหาเสียง การให้ข้อมูลทั้งบวกและลบ ต่อพรรคการเมือง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความระมัดระวัง และตรวจสอบข่าวก่อน
อะไรที่สุ่มเสี่ยงกับการที่จะถูกมองว่าไม่เป็นธรรม เอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง ด้วยเหตุผลใดก็ตาม จะทำให้ความน่าเชื่อถือของสื่อนั้น ตกอยู่ในภาวะที่เป็นอันตราย โดยเฉพาะในปัจจุบัน ที่สื่อกำลังถูกจับตามองว่า เข้าข้าง และเป็นเครื่องมือ ใครหรือเปล่า และประชาชนคาดหวังสื่อมาก ในภาวะเช่นนี้ ที่สื่อจะทำหน้าที่เป็นผู้ที่ตรวจสอบข่าวให้ ไม่ใช่เป็นเครื่องมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
การตัดสินใจของเนชั่นทีวีครั้งนี้ ไม่น่าจะเป็นหน้าที่ของสื่อที่เรียกตัวเองว่าเป็น “ผู้เฝ้าประตู” เพราะผู้ที่เฝ้าประตูมีหน้าที่ตรวจสอบว่าอะไรควรจะผ่านประตูนี้ หรืออะไรไม่ควรจะผ่านประตูนี้ ถ้าหากเราเป็นผู้าประตูแล้ว เราบอกว่า อะไรก็ผ่านเข้ามาได้ แล้วคนที่อยู่ในบ้านไปตัดสินเอาเอง นั่นหมายความว่าเราไม่ได้ทำหน้าที่ของ “ผู้เฝ้าประตู” นายสุทธิชัย กล่าว