จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ได้รับแจ้งมีเหตุฆาตกรรมเผาโหด นางประเสริฐ อายุ 83 ปี และนายสำเริง อายุ 61 ปี สองสามีภรรยา เจ้าของร้านอู่ซ่อมท่อสูบน้ำหมู่ 15 บ้านทุ่งสาน ต.พรหมพิราม อ.พรหมพิราม สภาพศพถูกเผาด้วยถ่านยัดอยู่ในอ่างอาบน้ำภายในห้องน้ำหลังบ้าน ซึ่งศพทั้งคู่นอนทับกันไหม้เกรียมจนจำเค้าโครงเดิมไม่ได้ และมีกลุ่มควันทั่วบริเวณต้องประสานรถน้ำดับเพลิงมาฉีดน้ำให้เพลิงสงบลง เบื้องต้น ศพมีบาดแผลถูกของแข็งตีเข้าที่ศีรษะจนยุบโดยคาดว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายประเสริฐ อายุ 61 ปีชาว จ.อุดรธานี เป็นลูกจ้างที่มาขออาศัยอยู่ภายในร้านกับผู้เสียชีวิตได้ไม่นาน เพราะหลังเกิดเหตุเจ้าตัวหายออกไปนั้น
ล่าสุด (18 พ.ค.62) มีรายงานว่า ตำรวจชุดจับกุมสามารถควบคุมตัวนายประเสริฐได้แล้ว ก่อนนำตัวมาสอบสวนที่ สภ.พรหมพิราม โดยนายประเสริฐ รับสารภาพว่า เป็นคนฆ่านายจ้างจริง โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาได้นั่งดื่มเบียร์กับนายจ้างทั้งสอง จากนั้นตนได้ทวงถามเรื่องค่าจ้างจำนวน 2,500 บาท เป็นค่าแรงสำหรับ 1 เดือน แต่กลับถูกนายสำเริงต่อว่าถึงขึ้นลงมือใช้ท่อพีวีซีตีเข้าที่คอตนอย่างแรง
ด้วยความโกธรเลือดขึ้นหน้าตนจึงใช้ค้อนที่วางอยู่ในอู่ตีสวนกลับไปที่ศีรษะ นายสำเริง จนล้ม 1 ครั้ง จากนั้นจึงตีซ้ำอีกครั้งจนร่างแน่นิ่ง จากนั้นตนก็ใช้ค้อนอันเดียวกันตีไปที่ศีรษะภรรยาเจ้าของร้านจนตายเช่นกันแล้วได้อุ้มร่างทั้ง2 คนไปใส่ไว้ในอ่างอาบน้ำหลังบ้าน
กระทั่งเช้าวันต่อมาจึงออกไปหาถ่านมาทำเป็นฟืนจัดการน้ำมันราดจุดไฟเผาอำพรางทำให้ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงได้กลิ่นเหม็นไหม้ จึงพากันมาดูตนเกิดความกลัวจึงหลบหนีไปกลางทุ่งนา ที่อยู่ห่างจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร แล้วปีนขึ้นไปหลบซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ แต่ก็ไม่รอดสายตาของตำรวจและถูกจับกุมได้ในที่สุด
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบประวัติอาชญากรรมพบว่า นายประเสริฐ เคยถูกจับกุมในคดีชิงทรัพย์ในพื้นที่ จ.เชียงราย และมีคดีลักทรัพย์ที่ จ.อุดรธานี อีกทั้งมีประวัติเป็นผู้ป่วยจิตเวชเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี และเพิ่งไปรับยามาเมื่อไม่นานมานี้
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะต้องนำตัวไปตรวจหาสารอื่นๆในร่างกายเพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดีก่อนแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและอำพรางซ้อนเร้นศพ
