จบด้วยดี “ข้าราชการกร่าง” นำดอกไม้กราบขอโทษกู้ภัยฯ หลังแสดงอาการโมโหร้าย ด่าทอเจ้าหน้าที่ อ้างวันนั้นอารมณ์ร้อนฉุนเฉียว เพราะเพิ่งไปเซ็นหย่าขาดเมีย
จากกรณี โซเชียลแห่แชร์คลิป ชายแต่งชุดข้าราชการ อ้างตัวเป็นปลัด ลงจากแท็กซี่ มายืนด่ากู้ภัยขณะปฏิบัติหน้าที่ บริเวณแยกถนนร่วมเริงไชย อ.เมือง จ.นครราชสีมา บอกไม่มีประสิทธิภาพ กีดขวางการจราจร ทำชาวเน็ตวิจารณ์แซด ตามข่าวที่เสนอไปก่อนหน้านี้
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่มูลนิธิหลักเสียงเซี่ยงตึ๊งสว่างเมตตาธรรมสถาน นรครราชสีมา นางบุญสิตา ขันธะวินะหุ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ได้นำนายนันทภพ ฉายดิลก หรืออู๊ด อายุ 49 ปี ตำแหน่งนักจัดการงานทั่วไปชำนาญการสังกัดสำนักปลัด อบจ.นครราชสีมา เดินทางมาขอขมากับผู้บริหารมูลนิธิหลักเสียงเซี่ยงตึ๊ง สว่างเมตตาธรรมสถาน นครราชสีมา ภายหลังจากที่เกิดเหตุการณ์นายนันทภพ อ้างตัวเป็นปลัดไปยืนด่าทอเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย ขณะกำลังช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกัน ที่บริเวณถนนร่วมเริงไชย อ.เมือง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีการแชร์คลิปในโลกออนไลน์จนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ
โดยนายนันทภพ ได้นำพวงมาลัยสด มานั่งคุกเข่าขอขมาต่อหน้านายอนันต์ บูรณะบัญญัติ ประธานมูลนิธิหลักเสียงเซี่ยงตึ๊งฯ พร้อมกับกล่าวยอมรับผิด และขอโทษต่อสังคมในสิ่งที่ตนเองทำไป หลังจากนั้นได้เข้าไปสวมกอดกับนายพุฑฒินันท์ จันทร์รัตน์วิลาส เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยที่ถูกด่าทอ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น
นายนันทภพ เปิดเผยว่า ตนยอมรับผิดในสิ่งที่เกิดขึ้น เนื่องจากหวังดีอยากจะเข้าไปช่วยไม่ให้มีการจราจรติดขัด แต่ด้วยบุคลิกตัวเองที่เป็นคนชอบพูดเสียงดัง จึงทำให้เหมือนกำลังใส่อารมณ์ด่าทอเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย วันเกิดเหตุนั้นตนไม่ได้ดื่มสุรา หรือเมาสุราแต่อย่างใด เพราะเป็นคนที่ไม่ชอบดื่มสุราอยู่แล้ว เพียงแต่ตนเองเครียดกับปัญหาชีวิตหลายเรื่อง ซึ่งเพิ่งกลับมาจากเซ็นเอกสารเลิกรากับภรรยาที่ สภ.โพธิ์กลาง ประกอบกับลูกชายก็ลาออกจากราชการตำรวจ จึงทำให้เปิดความเครียดสะสมมานานกว่า 3 เดือนแล้ว ต้องไปรับยาคลายเครียดจากแพทย์ที่โรงพยาบาลมากินทุกเดือน จึงเป็นเหตุให้มีความเครียดสะสมและระบายออกตามภาพที่เห็น
แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีการพูดอ้างตัวว่าเป็นปลัด อบจ.แต่อย่างใด อาจจะเป็นการเข้าใจผิดกันเล็กน้อย ดังนั้นการเดินทางมาในวันนี้จึงต้องการที่จะมาขอขมาลาโทษต่อผู้บริหารมูลนิธิหลักเสียงเซี่ยงตึ๊งฯ และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยที่ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งตนเองพร้อมที่จะสนับสนุนช่วยเหลือหน่วยงานกู้ภัยเต็มที่ และถ้ามีโอกาสก็จะขอเข้ามาสมัครเป็นอาสากู้ภัยของที่นี่ด้วยอีกคน ทั้งนี้ก็ขอโทษสังคมด้วย ตนยืนยันว่าหลังจากนี้ไปจะพยายามควบคุมสติอารมณ์ให้มาก จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้ขึ้นอีกแน่นอน
ด้านนายอนันต์ กล่าวว่า มูลนิธิฯ ไม่ได้ติดใจเอาความอะไรกับเรื่องนี้ อยากให้เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาต่อคนทั่วไปที่เห็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังปฏิบัติงานอยู่ เพราะเจ้าหน้าที่เหล่านี้เป็นอาสาสมัคร ไม่ได้มีเงินเดือนตอบแทนแต่อย่างใด มาทำงานด้วยจิตอาสาเพื่อสาธารณะประโยชน์จริงๆ ซึ่ง อบจ.นครราชสีมา ก็ถือว่าเป็นองค์กรที่มีอุปการคุณต่อมูลนิธิฯ ช่วยเหลือสนับสนุนงบประมาณใช้ในการดำเนินการหลายด้าน มูลนิธิฯ ก็ได้อาศัยการช่วยเหลือนี้ทำประโยชน์ให้กับประชาชนอย่างเต็มที่ ดังนั้นอะไรที่ให้อภัยกันได้ก็ให้แล้วๆ ไป ขอให้เรื่องนี้จบกันด้วยดี เพื่อหันหน้าเข้าหากัน ร่วมมือกันบำเพ็ญประโยชน์ให้ จ.นครราชสีมาอย่างเต็มที่ต่อไปจะดีกว่า