จากกรณี น.ส.แก้ว (นามสมมติ) อายุ 28 ปี ร้องเรียนว่า น้องกัส (นามสมมติ) อายุ 14 ปี มีความพิการทางสมอง ได้ถูกคนร้ายข่มขืนซ้ำแล้วซ้ำอีก แจ้งตำรวจก็ไม่มีความคืบหน้า โดยครั้งแรกลูกสาวถูกพ่อเลี้ยงข่มขืนที่กรุงเทพฯ และเป็นคดีความอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล หลังจากนั้นจึงได้หลบหนีมาอยูที่บ้านการเคหะ คิดว่าจะรอดพ้นจากการถูกข่มขืน แต่ก็ถูกกระทำซ้ำ โดยสามีภรรยาที่ติดยาเสพติด ฝ่ายผู้หญิงเป็นคนจับตัวเด็ก แล้วให้สามีของตัวเองกระทำชำเรา
นายคล้อย (นามสมมติ) อายุ 57 ปี ตาของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า หลานไม่ได้เป็นออทิสติก เพียงแต่มีสติปัญญาช้ากว่าเด็กในวัยเดียวกัน ชอบลืมง่าย ช่วงที่หลานถูกข่มขืน ตนไปพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จึงทำให้หลานต้องอยู่บ้านเพียงคนเดียว เพราะน้องชายเขาไปเรียนหนังสือ แต่หลานสาวไม่ได้ไปเรียนเพราะสมองช้า จึงต้องอยู่บ้านทำงานบ้าน ซึ่งวันเกิดเหตุนหลานแค่เอาขยะไปทิ้งเพียงคนเดียวจึงทำให้ถูกข่มขืน หลังเกิดเหตุหลานก็กลายเป็นเด็กที่ซึมเศร้า ยอมรับว่ากลัวหลานจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย
นายคล้อย กล่าวต่อว่า ตอนนี้ไม่กล้าให้หลานอยู่บ้านคนเดียว จะให้มีคนอยู่ด้วยเป็นประจำ ซึ่งตอนนี้ก็ยังมีความกังวล เพราะเหตุเกิดขึ้นในหมู่บ้าน แต่ตนก็ไม่แน่ใจว่าผู้ก่อเหตุจะเป็นคนในชุมชนหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ตำรวจจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็ว เพราะตนก็อยากเห็นหน้าคนร้าย ซึ่งตนรู้สึกแค้นจนพูดไม่ถูก รู้สึกแน่นอก เพราะไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดกับครอบครัว และรู้สึกสงสารหลานมาก