รองโฆษกตร. เผยศาลอนุมัติหมายจับ 2 ผู้ต้องหา คดีร่วมกันทำอนาจารเด็กม.2 อายุ 13 ปีกระโดดตึกเสียชีวิต ระบุจับแล้ว 1 ขังในเรือนจำ พร้อมกับเร่งติดตามอีกคนโดยด่วน
เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร. กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุ ด.ญ.วัย 13 ปี กระโดดตึกเสียชีวิต ซึ่งครอบครัวเชื่อว่าเกิดจากความเครียดว่า ได้รับรายงานจากสน.คลองตัน เมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา มารดาผู้เสียชีวิตได้เข้ามาแจ้งความว่าบุตรสาวถูกหน่วงเหนี่ยวกักขัง ภายในห้องพักแห่งหนึ่ง ภายในซอยพัฒนการ 36 ซึ่งนอกจากพบผู้เสียชีวิตแล้ว ยังพบนายกิติยะพงษ์ บุญถนัด อายุ 24 ปี และนายอานนท์ โดรอเซะ อายุ 25 ปี อยู่บริเวณที่เกิดเหตุ และพบเครื่องกระสุนปืนลูกซอง ขนาด 67.5 มม. จำนวน 3 นัด จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลางในคดี
ทั้งนี้มีนายกิติยะพงษ์ รับเป็นเจ้าของเครื่องกระสุนปืนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมไว้ในข้อหา “มีเครื่องกระสุนปืน (ลูกซอง) ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ขยายผลจนพิสูจน์ทราบถึงมูลเหตุที่เกิดขึ้นว่า ช่วงกลางดึกวันที่ 12 พ.ย. ผู้ก่อเหตุ 2 คน ได้แก่ นายกิติยะพงษ์ และนายอานนท์ ได้ร่วมกันพาผู้เสียชีวิตไปทำอนาจารภายในห้องพักดังกล่าว กระทั่งวันนี้ศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 คนในความผิดฐาน “ร่วมกันพรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร”
รองโฆษกตร. กล่าวอีกว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ได้ขออายัดตัวนายกิติยะพงษ์ ตามหมายจับดังกล่าวข้างต้น ซึ่งเป็นผู้ต้องขังภายในเรือนจำ พร้อมเร่งติดตามจับกุมนายอานนท์ เพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมาย และหากพบมีผู้อื่นร่วมกระทำผิดร่วมอีก ก็จะดำเนินคดีจนถึงที่สุดต่อไป อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนยังคงต้องรอผลชันสูตรพลิกศพจากแพทย์ เพื่อพิจารณาข้อหาความผิดที่เกี่ยวเนื่องต่อไป
ทางด้าน น.ส.พร อายุ 45 ปี มารดาของน้องพิ้งกี้ เผยว่า สาเหตุลูกสาวกระโดดลงมาเสียชีวิตว่าน่าจะเกิดจากความเครียด กดดันและหวาดกลัว เนื่องจากก่อนหน้านี้เมื่อ 2-3 วันก่อนเกิดเหตุ น้องพิ้งกี้ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ 5-6 คนกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ภายในบ้านพักย่านคลองตัน ซึ่งต่อมาตำรวจ สน.คลองตัน บุกเข้าช่วยเหลือและนำตัวน้องออกมาได้ในสภาพคล้ายคนถูกมอมยา ตนจึงพาน้องเข้าตรวจร่างกายพบถูกล่วงละเมิดทางเพศ จากเหตุการณ์ดังกล่าวตำรวจสามารถควบคุมตัวคนร้ายไว้ได้เพียง 2 คน ที่เหลือยังหลบหนี
น.ส.พร กล่าวอีกว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อคืนที่ผ่านมาประมาณเที่ยงคืนน้องกลับเข้าบ้าน พร้อมกับร้องไห้ฟูมฟายโดยไม่ทราบสาเหตุ ตนพยายามปลอบใจ ให้ลูกอาบน้ำและกินยาที่โรงพยาบาลจ่ายมาให้ทานก่อนหน้านี้ ซึ่งหลังจากลูกกินยาก็พยายามจะออกไปข้างนอกอีกครั้ง โดยบอกกับตนว่าจะออกไปหาเพื่อน แต่ตนไม่ยอมให้ออก ทำให้ลูกสาวร้องไห้หนัก ก่อนวิ่งออกจากห้องขึ้นบันไดชั้นดาดฟ้า ตนได้วิ่งตามขึ้นไป แต่ความดันขึ้นต้องเดินลงมานอนพักในห้อง เมื่ออาการดีขึ้นจึงตามไป เห็นลูกสาวยืนบนขอบระเบียง ตนพยายามวิ่งไปคว้าร่างลูกไว้ แต่ไม่ทัน ลูกสาวทิ้งตัวลงจากดาดฟ้าร่างตกกระทบพื้นไปต่อหน้าต่อตา