หลังจากศาลจังหวัดนครราชสีมาได้อนุมัติหมายจับทีมล่อซื้อลิขสิทธิ์ 3 คน ประกอบด้วย นายประจักษ์ โพธิผล อายุ 56 ปี นายภูมิภากร ถินสุวรรณ์ หรือนัน กิ่งเพชร อายุ 42 ปี และ น.ส. วนิดา ถินสุวรรณ์ อายุ 24 ปี ลูกสาวของนายนัน ในฐานความผิด 5 ข้อหา คือ แจ้งความเท็จทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งความเท็จต่อเจ้าหน้าที่ ทำเอกสารปลอม ใช้เอกสารปลอม และกรรโชกทรัพย์ โดยพนักงานสอบสวนพบหลักฐานนายประจักษ์ พร้อมพวก ได้มีการปลอมแปลงลายเซ็นผู้บริหารบริษัทเวอร์เซ็คที่เป็นผู้ดูแลลิขสิทธิ์ ซึ่งนายประจักษ์ทำงานอยู่ แล้วนำเอกสารปลอมไปใช้ดำเนินการแจ้งความเรียกค่าเสียหายกับน้องอ้อมวัย 15 ปี ที่ถูกล่อซื้อให้ทำกระทงการ์ตูน
ต่อมาช่วงบ่าย ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 สามารถติดตามจับกุมตัวนายประจักษ์พร้อมพวกได้ครบทั้ง 3 คน โดยจับกุมตัวนายประจักษ์ ได้ภายในบริเวณลานจอดรถห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส ถนนมะลิวัลย์ ตำบลหนองเรือ อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น ส่วนนายนัน และลูกสาว จับกุมตัวได้ที่บ้านญาติของนายนันภายในตำบลช้างทอง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา โดยตัวของนายนันยังคงใส่กำไลอีเอ็มที่ข้อเท้า เพราะเพิ่งได้รับประกันตัวออกมาจากคดีกรรโชกทรัพย์ในพื้นที่ สภ.เมืองมหาสารคาม
หลังจากนั้นชุดสืบสวนได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ไปให้พลตำรวจเอก วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สอบปากคำผู้ต้องหาที่ สภ.เมืองนครราชสีมา โดย เบื้องต้นนายประจักษ์ และพวกยังคงให้การภาคเสธ โดยให้การรับว่า นางสาววนิดาเป็นผู้ไปติดต่อขอซื้อกระทงการ์ตูนกับเด็กหญิงวัย 15 ปีจริง และนายประจักษ์เป็นผู้ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง ส่วนนายนันก็เป็นผู้ไปเจรจารับเงินค่าละเมิดลิขสิทธิ์จำนวน 5,000 บาทจากครอบครัวของเด็กหญิงจริงเช่นกัน ส่วนการปลอมแปลงใช้ใบอนุญาตเป็นตัวแทนลิขสิทธิ์ และการกรรโชกทรัพย์นั้นนายประจักษ์ พร้อมพวกได้ให้การปฏิเสธ
หลังจากการสอบปากคำเบื้องต้นแล้ว รอง ผบ.ตร.ได้นำตัวผู้ต้องหาไปชี้จุดการจับกุมเด็กหญิงขณะนำกระทงไปส่งมอบที่บริเวณด้านหลังลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และชี้จุดการเรียกรับเงินค่าละเมิดลิขสิทธิ์จากครอบครัวของเด็กหญิง ที่บริเวณร้านกาแฟด้านข้าง สภ.เมืองนครราชสีมา
พลตำรวจเอก วิระชัย เปิดเผยว่า หลังจากที่ศาลจังหวัดนครราชสีมาได้ออกหมายจับ ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 2 ชั่วโมงก็สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนได้ ทั้งนี้จากข้อมูลการสอบสวนพบว่าในปี 2562 ทีมงานของนายประจักษ์ได้จับกุมการละเมิดลิขสิทธิ์รวม 90 คดี ในจำนวน 35 คดีมีใบอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ถูกต้อง ส่วนอีก 55 คดีพบว่ามีการปลอมแปลงใบอนุญาต ทั้งการปลอมแปลงลายมือชื่อผู้มีอำนาจ รวมทั้งการปลอมแปลงเอกสารทั้งฉบับ และในภาพรวมตั้งแต่ปี 2557 พบว่า ทีมงานนายประจักษ์ได้จับกุมการละเมิดลิขสิทธิ์แล้วจำนวน 329 ราย ซึ่งขณะนี้กำลังขยายผลตรวจสอบว่าการดำเนินการจับกุมทั้งหมดใช้ใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กลุ่มตัวแทนลิขสิทธิ์ของนายประจักษ์มีอยู่ด้วยกันทั้งหมดประมาณ 9 คน ใช้ชื่อทีมว่า บราโว่ ซึ่งกลุ่มของนายประจักษ์มักจะสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันตระเวนจับกุมการละเมิดลิขสิทธิ์การ์ตูนในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ทางภาคอีสาน โดยนายประจักษ์จะเป็นผู้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนลิขสิทธิ์ไปแจ้งความกับตำรวจ ส่วนทีมงานจะเป็นผู้เจราจาข่มขู่เรียกค่าเสียหายจากเหยื่อ และมีผู้หญิงในทีมเป็นคนทำหน้าที่เป็นคนล่อซื้อ ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังอยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับเพิ่มเติมกับผู้ที่ร่วมขบวนการต่อไป