ทางการออสเตรเลียเริ่มปฏิบัติการกำจัดอูฐหลายพันตัวในรัฐเซาท์ออสเตรเลีย โดยการยิงจากเฮลิคอปเตอร์ เนื่องจากเหตุภัยแล้งและภาวะอากาศร้อนรุนแรง
การฆ่าอูฐเป็นระยะเวลา 5 วันเริ่มต้นเมื่อวันที่ 8 ม.ค. ภายหลัง ชุมชนชาวอะบอริจินในหลายพื้นที่รายงานว่าอูฐฝูงใหญ่ได้เข้ามาทำลายบ้านเรือน ที่อยู่อาศัย
มาริตา เบเคอร์ ผู้อาศัยอยู่ในชุมชนคานพิ บอกว่า พวกอูฐเข้ามาตามท้องถนนในเมืองเพื่อหาน้ำกิน และพวกเขาเป็นห่วงความปลอดภัยของเด็ก ๆ
นอกจากอูฐแล้ว จะมีการฆ่าม้าป่า (feral horse) หรือม้าที่มีเจ้าของแต่อาศัยอยู่ในป่าอย่างอิสระ ด้วย โดยกระทรวงสิ่งแวดล้อมและน้ำของออสเตรเลียเป็นผู้ดำเนินการโครงการนี้
การฆ่าอูฐจำนวนมากในครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับวิกฤตไฟป่าโดยตรง แต่ภาวะอากาศร้อนและแห้งเป็นเหตุให้เกิดไฟป่าทั่วออสเตรเลีย ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และออสเตรเลียเผชิญกับภัยแล้งมาหลายปีแล้ว
การฆ่าเพื่อควบคุมประชากรนี้จะเกิดขึ้นบริเวณที่ชื่อ Anangu Pitjantjatjara Yankunytjatjara ซึ่งเป็นภูมิภาคที่แทบไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ในรัฐเซาท์ออสเตรเลีย แต่เป็นที่อยู่อาศัยของชุมชนพื้นเมืองหลายกลุ่ม
ริชาร์ด คิง จากรัฐบาลท้องถิ่นภูมิภาคเออห์แนงกู พิตช์เอิห์นเชอห์ชาเรอห์ แยนคูนเชอร์ชาเรอห์ (Anangu Pitjantjatjara Yankunytjatjara หรือ APY) บอกว่า ชุมชนในพื้นที่ต้องพบกับแรงกดดันมากจากอูฐที่มาหาน้ำในเมือง
“เนื่องจากสภาวะแห้งแล้งที่ดำเนินมา และการรวมตัวของฝูงอูฐขนาดใหญ่มีความเสี่ยงต่อชุมชนและโครงสร้างพื้นฐานของเมืองในภูมิภาค APY มีความจำเป็นที่ต้องใช้มาตรการจัดการโดยทันที”
จริง ๆ แล้ว อูฐไม่ได้เป็นสัตว์พื้นถิ่นของออสเตรเลีย แต่เป็นชาวอังกฤษที่ย้ายถิ่นมาจากอินเดีย อัฟกานิสถาน และตะวันออกกลาง ขนย้ายพวกมันมาด้วยในศตวรรษที่ 19
ไม่เป็นที่แน่นอนว่ามีจำนวนอูฐทั้งหมดเท่าไรในออสเตรเลีย แต่เชื่อกันว่ามีหลายแสนตัวทั่วภาคกลางของประเทศ
พวกมันสามารถทำลายรั้ว เครื่องมือเกษตรกรรม และที่อยู่อาศัย และดื่มน้ำจากพื้นที่ผู้อาศัยที่มนุษย์ต้องใช้
ไฟป่าออสเตรเลียทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 25 คนแล้วตั้งแต่เดือน ก.ย. มีบ้านราว 2 พันหลังถูกทำลาย ภาคตะวันออกและใต้ของประเทศได้รับผลกระทบมากที่สุด และสัตว์จำนวนมากเสียชีวิต
เกิดเหตุไฟป่าขึ้นทุกปีในออสเตรเลีย แต่สถานการณ์ปีนี้เลวร้ายกว่าที่ผ่านมามาก อุณหภูมิในเประทศร้อนขึ้นต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา และคาดว่าจะพุ่งสูงขึ้นอีก
นักวิทยาศาสตร์เตือนมานานแล้วว่าภูมิอากาศที่ร้อนและแห้งขึ้นจะส่งผลให้เกิดเหตุไฟป่าบ่อยและรุนแรงขึ้น