วันที่ 23 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าชาว จ.ระนองได้สูญเสียครูหมอมโนราห์ชื่อดัง หรือนายอำนวย บุญญฤทธิ์ ศิลปินพื้นบ้านภาคใต้ ที่ถึงแก่กรรมด้วยโรคชรา และเคยกล่าวไว้ว่า จะเป็นศิลปินจนสิ้นดาบขาดใจ แม้ว่าขณะนี้จะกลายเป็นคนพิการเสียแล้ว ตาบอดทำอะไรไม่ค่อยได้เสียแล้ว แต่ยังรักและยังสั่งสอนลูกหลาน ให้ทำตามศิลปินซึ่งเป็นสมบัติชาวใต้ของเรา ในหลวงพระองค์ท่านทรงเป็นห่วงหนักหนาว่า ศิลปวัฒนธรรมให้ช่วยกันรักษากันไว้
โดยเมื่อผู้สื่อข่าวทราบจึงได้เดินทางไปพบกับ แม่แจ่มศรี บุญญฤทธิ์ ศิลปินมโนราห์อาวุโส วัย 78 ปี ภรรยาของครูหมอ ที่ได้พาลูกหลานชาวมโนราห์ ออกไปแสดงรำแก้บนให้กับชาวบ้านในเขตพื้นที่ อ.เมืองระนอง ตั้งแต่เมื่อเช้าที่ผ่านมา และทราบว่าเป็นเรื่องจริง ครั้นจบการแสดงทุกคนรีบเดินทางกลับไปที่บ้านซอยโนราห์ บ้านบางสองรา ต.บางใหญ่ อ.กระบุรี จ.ระนอง ทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากรถถึงบ้านลูกหลานมโนราห์ ต้องเข้าช่วยพยุงแขนทั้งสองข้างของโนราห์แจ่มศรี เข้าไปในเต็นท์ ที่มีการจัดเตรียมตั้งงานบำเพ็ญกุศลศพครูหมอ โดยลูกหลานได้บรรจุร่างไว้ในโลงศพสีขาว ที่หน้าบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะที่โนราห์แจ่มศรี ถึงกับผวาเข้าเกาะและเคาะที่โลงศพ พร้อมร้องไห้พรรณนาทั้งน้ำตาว่า พี่นวยไม่น่าไปเร็วแบบนี้ อยู่กันมาตั้ง 30 กว่าปี ไม่น่ารีบจากกันไป และขอให้ไปอยู่ที่สุขที่สุขนะพี่นวย ก่อนจะบอกให้ลูกหลาน ไปบอกลากับพ่อเฒ่าครูหมออำนวยให้ไปสู่สุขคติ หลังจากนั้น บรรดาลูกหลานชาวมโนราห์คณะแม่แจ่มศรี ได้ร่วมกันรำโนราห์ ทั้งน้ำตา เพื่อแสดงความอาลัย และความเคารพรักต่อหน้าโลงศพครูหมอมโนราห์ด้วย
โนราห์แจ่มศรี กล่าวว่า พี่อำนวยได้เป็นศิลปินจนสิ้นดาบขาดใจของแกจริง พร้อมกับสั่งเสียก่อนเสียชีวิตว่า น้องแจ่มถ้าพี่จากไปแล้วพยายามอย่าทิ้งมโนราห์ เรามาอยู่มากินก็ได้จากการสร้างมโนราห์ไว้ให้เป็นสมบัติสืบทอดแล้ว ถ้าหากน้องแจ่มจะเสียชีวิตต่อไป ต้องหัดลูกหัดหลาน ฝึกลูกฝึกหลานเอาไว้ อย่าให้ศิลปินภาคใต้ของเราสูญหายไป และไม่เสียดายที่ชีวิตที่ได้ฝึกลูกหลานไว้สืบทอดเป็นศิลปินภาคใต้ไม่ให้สูญหายเสียนะลูกนะ
ส่วนที่มาของคณะมโนราห์ในจังหวัดระนอง และเป็นตำนานสุดท้ายของมโนราห์ เดินรำค่ำไหนนอนนั้น คุณยายสมนึก พิบูลย์ วัย 82 ปี พี่สาวคนโต ของโนราห์แจ่มศรี เปิดเผยว่า ที่รับการถ่ายทอดศิลปะการรำโนราห์ ตั้งแต่วัย 2-3 ขวบ จากบิดา หรือมโนราห์กระจ่าง พิบูลย์ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช เวลาจะไปทำการเปิดการแสดง ก็จะหอบหิ้วสัมภาระกับชาวคณะ เดินกันเป็นแถวยาวตามถนน และเปิดการแสดงไล่ตั้งแต่ ออกจากบ้าน อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ขึ้นมา จ.สุราษฎร์ธานี, จ.ชุมพร จนมาถึง อ.กระบุรี จ.ระนอง ค่ำไหนปักหลักทำการแสดงในหมู่บ้านนั้นๆ ได้ค่าแสดงเพียงไม่กี่บาท
แต่ชาวบ้านดูแลปูเสื่อเลี้ยงข้าวปลาอาหาร และไปนอนตามวัดต่างๆ ตลอดเส้นทางที่เดินไปทำการแสดง จึงเป็นที่มาของคำว่า โนราห์เดินรำ สมัยถนนหนทางยังไม่ลาดยาง ไม่มีรถยนต์ประจำทางวิ่งสัญจร ต้องใช้เกวียน หรือการเดินเท้า จากหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง เพื่อไปทำการแสดงแบบค่ำไหนนอนนั่น จนหัวหน้าคณะหรือโนราห์กระจ่าง ได้มาปักหลักและตั้งครอบครัวพร้อมชาวคณะยังพื้นที่บ้านบางสองรา ต.บางใหญ่ อ.กระบุรี จ.ระนอง ซึ่งเป็นพื้นที่ดินอุดมสมบูรณ์ มีน้ำ มีป่า และผู้คนมีอัธยาสัยไมตรีที่งดงาม ให้ปักหลักสร้างโรงมโนราห์ขึ้น จนถึงปัจจุบัน
Cr. ข่าวสด