เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันที่ 29 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดอุบัติเหตุชวนสลดขึ้นเมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา สาเหตุจากควันเผาไร่อ้อยที่กระจายปกคลุมบนถนนหนาแน่น จนทำให้รถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็กซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน ผข 4522 นครสวรรค์ ซึ่งมีนายบุญลือ วงค์โพธิ์ เป็นคนขับและมีผู้โดยสารอีก 2 คน ขับมาตามถนนสายโคกสง่า-ซับตะเคียน ช่วงบ้านซับโอบ​ หมู่ที่ 8 ต.ภูน้ำหยด อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ ชนประสานงากับรถไถเล็กยี่ห้อฮีโนโมโต้ สีฟ้า มีนายบุญส่ง วงษ์ด้วง เป็นคนขับ จนเป็นเหตุให้นายบุญส่งคนขับรถไถเล็กได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา

หลังกู้ชีพภูน้ำหยดนำส่งโรงพยาบาลวิเชียรบุรี นอกจากนี้ยังมีผู้โดยสารรถกระบะเป็นผู้หญิงได้รับบาดเจ็บอีก 2 คน ซึ่งทางกู้ชีพภูน้ำหยดให้การช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลวิเชียรบุรีเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามจากคนขับกระบะในเบื้องต้นทราบว่า ขณะขับรถกระบะมาบนถนนสายดังกล่าว เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุปรากฎว่ามีกลุ่มควันไฟจากการเผาอ้อยบริเวณไร่อ้อยซึ่งอยู่ริมถนน จนทำให้มีควันหนาแน่นกระจายปกคลุมกลายเป็นม่านควันบดบังถนน ทำให้ไม่เห็นว่ามีรถไถเล็กคู่กรณีขับสวนทาง จึงเป็นเหตุให้ชนประสานงาเข้าอย่างจัง ทำให้ผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บดังกล่าว

ต่อมาทางพนักงานสอบสวน สภ.พุเตย ได้รุดไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ส่วนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนในรายละเอียดอีกครั้ง อย่างไรก็ตามหลังเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวแล้ว ได้กลายเป็นประเด็นฮอตขึ้นอีกครั้ง หลังจากชาวโซเชียลนอกจากจะพากันแห่แชร์เหตุการณ์อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแล้ว ยังพากันรุมประณามการเผาไร่อ้อยซึ่งต้นเหตุ ทำให้เกิดอุบัติเหตุชวนน่าสลดขึ้นอีกครั้งด้วย นอกจากนี้ยังจี้ให้ตำรวจในพื้นที่ต้องดำเนินคดีกับเจ้าของไร่อ้อย ที่เผาอ้อยซึ่งนอกจากจะกระทำผิดกฎหมายฝ่าฝืนคำสั่งของทางจังหวัดแล้ว ยังเป็นต้นเหตุการเกิดอุบัติเหตุ กระทั่งทำให้เกิดความสูญเสียขึ้น

นอกจากนี้นายวิศัลย์ โฆษิตานนท์ แกนนำกลุ่มคนเพชรบูรณ์ไม่เอาเหมืองแร่ ยังหยิบยกอุบัติเหตุในครั้งนี้ขึ้นโพสต์บนเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยระบุว่า “จะต้องเสียอีกกี่ชีวิต ที่มีสาเหตุต้นตอมาจากโรงงานน้ำตาล?? และมันอาจเกิดขึ้นได้กับทุกคนทุกคัน” นอกจากนี้ยังมีชาวเน็ตรายอื่นๆ ที่พากันตั้งคำถามถึงทางหน่วยงานภาคราชการและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องด้วยว่า “ไหนหยุดเผา!!! เมื่อไหร่จะเอาจริงเอาจัง?? ต้องแลกด้วยอุบัติเหตุ-ชีวิตประชาชนอีกสักกี่ครั้ง!!” อย่างไรก็ตาม การเผาอ้อยในหลายอำเภอโดยเฉพาะในเขตพื้นที่ตอนใต้ของจังหวัด ยังคงมีอย่างต่อเนื่องแม้ทางจังหวัดจะออกประกาศห้ามเผาแล้วก็ตาม แต่ชาวไร่อ้อยก็ยังฝ่าฝืนไม่สนใจ จนภาคราชการถูกโจมตีว่าไม่จริงใจและยังอุ้มโรงงานน้ำตาลต่อไป