เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันที่ 5 พ.ค.นี้ จะเป็นวันตัดสินชะตากรรมครั้งใหญ่ของ “การบินไทย” สายการบินแห่งชาติ ที่มีพนักงานกว่า 20,000 ชีวิต อาจเป็นการล้างไพ่ครั้งใหญ่ และทุกชีวิตในองค์กร ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างไร

การบินไทย นับเป็นสายการบินแห่งชาติมาอย่างยาวนานถึง 60 ปี และเคยมีประวัติอันรุ่งเรือง แต่วันนี้ ขาดทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท ต่อปี และหนี้สูงถึง 2.4 แสนล้านบาท จนส่อเค้าล้มละลาย มีกระแสเงินสดในมือราว 10,000 ล้านบาท เพื่อใช้จ่ายในองค์กร

และ เนื่องจากรัฐบาลยังห้ามต่างชาติเข้าไทย ดังนั้น การบินไทย ที่เน้นบินระหว่างประเทศ จึงแทบไม่มีกิจกรรมที่ก่อให้เกิดรายได้ เพียงพอที่จะพยุงองค์กรไว้ได้ สภาพการบินไทยจึงเหมือนคนที่ต้องนับถอยหลัง และมีเงินจ่ายให้พนักงานถึง มิ.ย.นี้เท่านั้น

รัฐบาลต้องรีบเข้าไปอุ้ม โดยกระทรวงคมนาคม ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล เตรียมเสนอ ครม.พิจารณา สัปดาห์หน้า เตรียมให้กระทรวงการคลัง ค้ำประกันการกู้เงินของการบินไทย วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท เพื่อต่ออายุการบินไทย อย่างน้อยจนถึงสิ้นปีนี้ ในขณะที่การบินไทยเอง อยากได้อย่างน้อย 7 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ การบินไทย อาจมีการล้างไพ่ ด้วยการลดการถือครองหุ้นจากกระทรวงการคลังที่ 51.03% ลดลง 2-3% ซึ่งเป็นที่คาดกันว่า จะให้กองทุนรวมวายุภักษ์ และบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ ถือ เพื่อเปิดทางให้รัฐบริหารสายการบินแห่งชาตินี้ ได้อย่างเต็มที่ต่อไป

แต่องค์กรอาจถูกลดระดับเป็นรัฐวิสาหกิจกลุ่มที่ 3 จากเดิมอยู่กลุ่มที่ 1 ซึ่งจะส่งผลให้ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ต้องล้มไปตามกฎหมาย ส่งผลต่อพนักงานการบินไทย กว่า 20,000 คน ทั้งอาจต้องยอมรับการปรับโครงสร้างเงินเดือน และสวัสดิการณ์ต่างๆ เช่นเดียวกับ บอร์ดบริหาร ที่จะมีการลดเงินเดือน และปรับเปลี่ยน ซึ่งยังคงต้องรอพิจารณารายละเอียดทั้งหมด จาก ครม. 5 พ.ค.นี้

ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว คือ การตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงในการบริหารกิจการของบริษัทและปัญหาการทุจริต บมจ.การบินไทย ซึ่งทำให้ประสบภาวะขาดทุน จึงเปิด ช่องทางให้พนักงานการบินไทยและบุคคลทั่วไปที่มีเบาะแส พฤติกรรมการกระทำของพนักงาน ผู้บริหาร กรรมการบริษัทที่ส่อทุจริต บริหารงานผิดพลาด เอื้อประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง หรือให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดบุคคลเพื่อจูงใจให้กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ซึ่งเป็นการกระทำทั้งโดยบุคคลหรือเป็นขบวนการ ขอให้แจ้งข้อมูลเอกสารหลักฐานมาได้

นี่จะเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ของการบินไทย ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เชื่อว่าทุกฝ่ายต้องการรักษาสายการบินแห่งชาติไม่ให้ล้มไป จึงขอให้ทุกภาคส่วน ร่วมแรงร่วมใจกันช่วยกันขับเคลื่อนองค์กรนี้ให้กลับมาบินได้อีกครั้ง

5 พ.ค.จะเป็นวันตัดสินชะตากรรมว่า สายการบินแห่งชาติจะกลับมาทะยานฟ้า กลายเป็นองค์กรสร้างรายได้ให้กับรัฐบาล และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้อีกครั้งหรือไม่ ยังคงต้องติดตาม.